BGRIM ซื้อโรงไฟฟ้ามาเลเซีย 45% มุ่งสู่ Net Zero

HoonSmart.com>>บี.กริม เพาเวอร์ เดินหน้าขยายพอร์ต “พลังงานทดแทน” มุ่งสู่ Net Zero เข้าลงทุนใน reNIKOLA  มูลค่า 367 ล้านมาเลเซียริงกิต บริษัทพลังงานทดแทนที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นในมาเลเซีย  เปิด COD แล้ว 88 MW กำลังซื้ออีก 90 MW จ่อพัฒนาโครงการใหญ่ 375 MW  ศึกษาโครงการพลังน้ำ ธุรกิจสายส่ง 

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2564 B.Grimm Power Malaysia Sdn. Bhd. (B.Grimm Malaysia) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้สัญญาจองซื้อหุ้น เพื่อซื้อหุ้นใหม่ของ reNIKOLA Holdings Sdn (reNIKOLA) คิดเป็นสัดส่วน 45% ภายใต้มูลค่าการซื้อขายรวม 367 ล้านมาเลเซียริงกิต

B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อแลกหุ้นระหว่างกันกับ Pimpinan Ehsan Berhad (PEB) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย โดยภายหลังการแลกหุ้นดังกล่าว B.Grimm Malaysia จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน PEB 40.6% และ PEB จะถือหุ้นใน reNIKOLA Holdings ในสัดส่วน 100% ทั้งนี้รายการดังกล่าวอยู่ระหว่างการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“เรามีเป้าหมายร่วมกันในการมุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานสะอาด ที่มีเสถียรภาพและเข้าถึงได้ การลงทุนในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนไปด้วยกัน โดยในประเทศมาเลเซียยังมีโอกาสอีกมากมาย และเป็นที่น่ายินดีที่เราจะร่วมมือกันทำให้โอกาสเหล่านี้เกิดขึ้นจริง”

สำหรับ reNIKOLA เป็นกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานทดแทนที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (COD)  รวม 88 MW และอยู่ระหว่างการเจรจาทำสัญญาซื้อขายหุ้นอีก 90 MW ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงมีการลงนาม MOU กับองค์กรใหญ่หลายแห่งในประเทศมาเลเซียเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ขนาด 375 MW ภายใต้ Third Party Contract (Corporate PPA) รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และธุรกิจสายส่ง

ผู้บริหารของ reNIKOLA ถือเป็นผู้ที่มีความชำนาญแนวหน้าในธุรกิจพลังงานทดแทนของประเทศมาเลเซีย ด้วยการพัฒนาและเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าโครงการแรก ภายใต้ระบบประมูล Large Scale Solar (LSS) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนโครงการแรกในประเทศมาเลเซียที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงพลังงาน, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้เงื่อนไข Third Party Contract (Corporate PPA)

นอกจากนี้ B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 49% และหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 100% ของ Tamara East Sdn. Bhd. (บริษัทที่จะใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในอนาคต) ภายใต้มูลค่าการซื้อขาย 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย

Tengku Zaiton ประธาน กลุ่ม reNIKOLA กล่าวว่า การร่วมมือกับ บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานระดับสากล ที่จะมาเป็นผู้ร่วมลงทุนที่สำคัญของ reNIKOLA ทำให้แนวทางการดำเนินงานด้านพลังงานทดแทนของบริษัทมีความชัดเจนมากขึ้น เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่กำลังจะมีเข้ามาเมื่อ 2 บริษัทใหญ่ผนึกความแข็งแกร่งร่วมกัน เราจะได้รับความเชี่ยวชาญและความรู้ทางเทคนิคจาก บี.กริม โดยเงินร่วมทุนจำนวน 367 ล้านมาเลเซียริงกิตนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินในการคว้าโอกาสในธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีเข้ามาในอนาคต

Jonathan Law Ngee Song ประธาน PEB กล่าวว่าได้ตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจน ในการเปลี่ยนผ่าน PEB สู่การเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาค ต้องการสร้างพอร์ตพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย ซึ่ง บี.กริม เพาเวอร์ ในฐานะผู้ถือหุ้นที่สำคัญ ทำให้มั่นใจว่าจะไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ ด้วยการสนับสนุนจากทาง บี.กริม เพาเวอร์ PEB จะเป็นกุญแจสำคัญในการไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมไปถึงเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จากการที่ทาง บี.กริม เพาเวอร์ มีชื่อเสียงและผลงานด้านนี้ที่ดีมาโดยตลอด และท้ายที่สุด เวลานี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะยกระดับการเติบโตด้านธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัท

บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นไปสู่การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวของ บี.กริม เพาเวอร์ สู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ภายในปี 2593 สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศมาเลเซีย ที่ประกาศเป้าหมายที่จะบรรลุ “Net Zero” ภายในปี 2593 เช่นกัน โดยตั้งเป้าที่จะลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 45% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ภายในปี 2573

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เปิดดำเนินการแล้ว จำนวน 737 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ขยะอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว นอกจากนี้ ยังมีโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคาอีกหลายโครงการทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการพลังงานทดแทนหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ด้วยกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานลมในโปแลนด์ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบไฮบริดในประเทศไทย บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปี 2568 ไปสู่ 7,200 เมกะวัตต์ จาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 และเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องไปเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 โดยมีเป้าหมายรายได้ 100,000 ล้านบาทต่อปี