ดาวโจนส์ลบ 112 จุด ดัชนี PPI สูงสุดในรอบ 11 ปี 

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 112 จุด นักลงทุนขายทำกำไรจากการปรับขึ้นในเดือนต.ค. รอข้อมูลเงินเฟ้อ ด้านดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ของสหรัฐฯ สูงสุดรอบ 11 ปี ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลบ ด้านราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ปิดที่  36,319.98 จุด ลดลง 112.24 จุด หรือ 0.31% นักลงทุนทำกำไรจากการปรับขึ้นในเดือนตุลาคม ขณะที่รอข้อมูลเงินเฟ้อ 

ดัชนี S&P 500 ปิดที่  4,685.25 จุด ลดลง 16.45 จุด, – 0.35% 
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,886.54 จุด ลดลง 95.81 จุด, -0.60% 

กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนกันยายน  สอดคล้องกับที่ตลาดคาด แต่เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในรอบ 11 ปี 

นักวิเคราะห์จาก Bleakley Advisory Group กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อที่สะท้อนจากดัชนี PPI แม้เป็นไปตามคาดแต่ก็น่าตกใจในแง่ที่เพิ่มขึ้นเร็ว 

นักวิเคราะห์จาก Wilmington Trust กล่าวว่า ดัชนี PPI อาจจะแตกระดับสูงสุดแล้ว แรงกดดันด้านราคาเริ่มที่จะบรรเทาลง ขณะที่การจ้างงานในการผลิตสินค้าทุกประเภทเพิ่มขึ้นและปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานดีขึ้น และอัตราค่าจ้างยังเป็นความเสี่ยงของธุรกิจ เพราะมีผลกระทบต่อกำไร และบางธุรกิจอาจจะต้องประเมินว่าส่งผ่านต้นทุนไปให้ผู้บริโภคได้มากแค่ไหน 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Wilmington Trust คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสสี่ และผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนยังคงแข็งแกร่ง 

กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มการเงินและกลุ่มไอทีเจอแรงขาย ทำให้ดัชนี S&P 500 ปิดลบครั้งแรกในช่วง 8 วัน 

นักลงทุนยังรอการรายงานข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคมในวันพุธนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเงินเฟ้อเดือนตุลาคมจะเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อน 

แม้จะลดลงเมื่อวาน แต่ดัชนี S&P 500 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 24% ตั้งแต่ต้นปี 2021 
นอกจากนี้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งก็หนุนตลาด จนถึงเมื่อวาน 460 บริษัทในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่ง 81% สูงกว่าคาด 

นักวิเคราะห์จาก Oppenheimer Asset Management กล่าวว่า การรายงานผลการดำเนินงานใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ปัจจัยที่จะมีผลต่อนักลงทุนไปจนถึงสิ้นปีคือ ข้อมูลเศรษฐกิจจากการเปิดเศรษฐกิจ 

รายงานเสถียรภาพทางการเงินของธนาคารกลาง (เฟด) ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ทุกประเภทสูงขึ้น และราคาหุ้นเมื่อเทียบคาดการณ์กำไรอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร หุ้นกู้เอกชนและหนี้สินที่มีการขยายวงเงินอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ 
           
หุ้นเพย์พาล ลดลง 10.5% จากรายได้ที่ต่ำกว่าคาด และเตือนว่าผลการดำเนินงานทั้งไตรมาสมาสสุดท้ายและทั้งปีจะต่ำกว่าคาด 
หุ้นเทสลาลดลง 12%  

หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริกเพิ่มขึ้น 2.7% หลังประกาศจะแยกธุรกิจออกเป็น 3 บริษัทมหาชน และมุ่งไปที่ธุรกิจการบิน เฮล์แคร์ และพลังงาน 
           
สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติ (NFIB) รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนตุลาคมลดลงมาที่ระดับ 98.2 ต่ำกว่า 99.5 ที่นักวิเคราะห์คาด 
 
 
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงจากการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคมของสหรัฐ  โดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานลดลง 1.2% กลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงาน 
           
ผลสำรวจความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายนในเยอรมนีจาก ZEW เพิ่มขึ้นมาที่ 31.7 สูงกว่า 20.0 ที่นักวิเคราะห์คาด 
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 482.71 จุด ลดลง 0.90 จุด, -0.19% 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,274.04 จุด ลดลง 26.36 จุด, -0.36% 
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,043.27 จุด ลดลง  4.21 จุด, -0.06% 
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,040.47 จุด ลดลง 6.05 จุด, -0.04% 

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม  เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 84.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล   ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 84.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล