โควิดพ่นพิษ OR กำไร 1,892 ล้านบาท ลดฮวบ 45%

HoonSmart.com>>OR กำไร 1,892 ล้านบาท ลดฮวบ 45% รับผลกระทบโควิดสายพันธุ์เดลต้า ยอดขายลดลง 5.9% 

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก  (OR) รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/2564 กำไรสุทธิ 1,892.47 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.16 บาท ลดลง 1,557.57 ล้านบาท หรือ 45.15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน กำไร 3,450 ล้านบาท

งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ 9,210.61 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.79 บาท เพิ่มขึ้น 3,342 ล้านบาท หรือ 57% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 5,868.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.65 บาท

บริษัท ฯ สรุปภาพรวมการดำเนินงาน Q3/64 ดังนี้

บริษัทฯ  และบริษัทย่อย มีรายได้ขายและบริการ 116,792 ล้านบาท ปรับลดลงจากไตรมาส 2 / 64 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยระลอกใหม่สายพันธุ์เดลต้า ที่ขยายวงกว้างมากขึ้น ทำให้ภาครัฐต้องออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดขึ้น และเร่งกระจายวัคซีน ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเปิดรับนักท่องเที่ยว การส่งออกสินค้าชะลอตัวลงกว่าคาด แต่ในเดือนกันยายน 2564 สถานการณ์การระบาดในไทยก็ผ่อนคลายลง

สำหรับความต้องการใช้น้ำมันของโลก กำลังฟื้นตัวด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระจายวัคซีนที่รวดเร็วในหลายประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น

ปัจจัยทั้งหมดข้างต้นทำให้กลุ่มธุรกิจน้ำมัน มีรายได้ขายที่ลดลงเล็กน้อย จากปริมาณการขายรวมลดลง 5.9% โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและเบนซิน แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสนี้ เช่นเดียวกับ กลุ่มธุรกิจ Noท-Oil ที่รายได้ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน 7.4% ตามอุปสงค์ที่ลดลง เป็นปัจจัยกดดันให้ปริมาณขายรวมลดลง

อีกทั้งได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการ Franchisee ร้านคาเฟ่ อเมซอน ลดอัตราการจัดเก็บค่า Royalty fee และ Marketing fee อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การออกกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ อาทิ การนำกลับบ้าน (Take Away ) บริการจัดส่ง (Delivery Service) รวมถึง Drive-Thru ช่วยพยุงให้ยอดขายของ กลุ่มธุรกิจ Non- Oil ให้ไม่ลดลงมากนัก

สำหรับรายได้กลุ่มธุรกิจต่างประเทศนั้นค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ชดเชยกับปริมาณการขายที่ลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 ในต่างประเทศแถบ CLMV

EBITDA ใน 3Q/64 จำนวน 4,051 ล้านบาท ลดลง 1,406 ล้านบาท (-25.8%) เมื่อเทียบกับ 2Q/64 จากกลุ่มธุรกิจน้ำมันและกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ที่มีผลการดำเนินงานอ่อนตัวลง จากปริมาณขายและกำไรขั้นต้นที่ลดลง

ในส่วนของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น (+8.7%) ตามกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในกัมพูชาเป็นหลัก จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศกัมพูชาภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เริ่มผ่อนคลาย

สำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น (+3.3%) โดยหลัก คือ ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง

ไตรมาส 3 นี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,892 ล้านบาท ลดลง 1,333 ล้านบาท (-41.3%) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.16 บาท ต่ำกว่าไตรมาสก่อน 0.11 บาท (-40.7%)