HoonSmart.com>>”ศรีตรังโกลฟส์”เปิดผลงานไตรมาส 3/64 กำไรสุทธิ 4,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.97% จากไตรมาสที่ 3 แต่ทรุดลง 37.74% เทียบไตรมาส 2 เกิดจากถุงมือยางราคาขายเฉลี่ยวูบลง 32.5% ได้ความต้องการเพิ่มช่วยปริมาณขาย วาง 5 กลยุทธ์เติบโตระยะยาว บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผล 1.25 บาท/หุ้น ขึ้น XD 19 พ.ย. คิดเป็นผลตอบแทนสูงถึง 4.72%
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2564 มีกำไรสุทธิ 4,532.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130.90 ล้านบาท หรือประมาณ 2.97% จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,401.92 ล้านบาท แต่ทรุดลง 2747.18 ล้านบาท คิดเป็น 37.74% เทียบไตรมาสที่ 2/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 7,280.10 ล้านบาท เนื่องจากถุงมือยางราคาขายเฉลี่ยลดลง 32.5% อยู่ที่ 1,531 บาทต่อพันชิ้น (46.7 เหรียญสหรัฐ) โดยรวม 9 เดือนปีนี้ มีกำไรทั้งสิ้น 21,864.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,983.90 ล้านบาท หรือ 271.81%จากกำไรสุทธิ 5,880.59 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (1เม.ย.-30 ก.ย.2564) หุ้นละ 1.25 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 พ.ย. 2564 และจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 ธ.ค.2564 ทั้งนี้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลประมาณ 4.72% เทียบกับราคาหุ้นปิดที่ 26.50 บาท วันที่ 8 พ.ย.2564
สาเหตุที่บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3/2564 เกิดจากด้วยความต้องการถุงมือยางที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคทั่วโลกจากการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ประกอบกับการกลับมาเดินเครื่องจักรอย่างเต็มที่ของโรงงานที่จ.ตรัง และ จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7,076 ล้านชิ้น ซึ่งสามารถชดเชยการลดลงของราคาขายเฉลี่ยได้บางส่วน รายได้รวมอยู่ที่ 10,864.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% แต่อ่อนตัวลง 16.2% จากไตรมาสที่ 2/2564
บริษัทวาง 5 กลยุทธ์การดำเนินงาน คือ 1.มุ่งมั่นที่จะขยายกำลังการผลิตติดตั้ง โดยภายในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะมีกำลังการผลิตที่ 50,000 ล้านชิ้นและภายในปี 2567 เป็น 80,000 ล้านชิ้น 2. ความยืดหยุ่นของสายการผลิตระหว่างผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า ทำให้บริษัทฯ มี Product Mix ที่ยืดหยุ่น และแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม 3.การขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าไว้ที่มากกว่า 190 ประเทศ ภายใน 3 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่ 170 ประเทศทั่วโลก
4.การเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต จากปัจจุบันที่ใช้พนักงาน 2.17 คนในการผลิตถุงมือ 1ล้านชิ้น บริษัทฯตั้งเป้าว่าในปี 2567 และ 2569 จะใช้พนักงานลดลงเป็น 1.65และ 1.0 คนในการผลิตถุงมือ 1 ล้านชิ้นตามลำดับและ5.พัฒนาผลิตภัณฑ์ถงุมือยางธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ ให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในถุงมือยางธรรมชาติของโลกจากการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบน้ำยางข้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์