HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 104 จุด เฟดลดซื้อพันธบัตรเดือนพ.ย.นี้ตามคาด ยังไม่เร่งขึ้นเดอเบี้ย ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่บวก ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 3% สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ปิดที่ 36,157.58 จุด เพิ่มขึ้น 104.95 จุด หรือ +0.29% จากที่ร่วงลงระหว่างชั่วโมงซื้อขายหลังธนาคารกลาง (เฟด) ประกาศเริ่มลดการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตั้งแต่เดือนนี้ตามคาด และยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยแม้ยุติมาตรการ QE อย่างสิ้นเชิงในปีหน้า
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,660.57 จุด เพิ่มขึ้น 29.92 จุด, +0.65%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,811.58 จุด เพิ่มขึ้น 161.98 จุด, +1.04%
ในแถลงการณ์เฟดระบุว่า จะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรในเดือนนี้ 15 พันล้านดอลลาร์ จากวงเงิน 120 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนที่กำหนดไว้ โดยลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ 10 พันล้านดอลลาร์ และลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5 พันล้านดอลลาร์ และจะลดลงวงเงินมากขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม และจะยุติ QE ภายในเดือนมิถุนายน
ทั้งวงเงินที่ลดลงและระยะเวลาการยุติโครงการ QE สอดคล้องกับที่ตลาดคาด แต่เฟดระบุว่าจะปรับเปลี่ยนการซื้อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
หลังจากเฟดออกแถลงการณ์ดัชนี DJIA ฟื้นตัวจากแดนลบมาบวก 38 จุดหรือ 0.2%และปิดที่ระดับเหนือ 36,000 จุดเป็นครั้งแรก ดัชนี S&P 500 บวก 0.6% และดัชนี Nasdaq Composite บวก 0.9% ทั้ง 3 ดัชนีปิดที่นิวไฮ
เฟดยังปรับจุดยืนใหม่เกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยยอมรับว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องมากกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตามแถลงการณ์ของเฟดยังคงระบุว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว ซึ่งอาจมีผลต่อลำดับเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
“การตัดสินใจของคณะกรรมการวันนี้ที่เริ่มลดการซื้อพันธบัตรไม่ได้มีนัยะโดยตรงต่อสัญญานนโยบายดอกเบี้ยของเรา เรายังคงประเมินเศรษฐกิจในสถานการณ์ต่างๆมากขึ้นก่อนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ย”นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าว
นายพาวเวลล์กล่าวว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นคาดว่ายังต่อเนื่องไปถึงปีหน้าจากนั้นจะอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 หรือ 3 ปี 2022 และคิดว่าเฟดสามารถอดทนได้ แต่จะไม่ลังเลที่จะตอบสนองหากจำเป็น
นักวิเคราะห์จาก State Street Global Advisors มองว่า การที่เฟดยังคงมองว่าเงินเฟ้อเป็นภาวะชั่วคราวชี้ว่าดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำนานกว่าที่หลายฝ่ายคาด
นายพาวเวลล์กล่าวว่า เฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างเหมาะสม และเชื่อว่านโยบายอยู่ในจุดที่เหมาะสมแล้วเมื่อประเมินจากผลที่ออกมา
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่รายงานต่อเนื่อง โดยหุ้น Lyft ผู้ให้บริการride-sharing เพิ่มขึ้น 8.2% และหุ้นซีวีเอสเฮลท์ เพิ่มขึ้น 5.7% จากผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ดีกว่าคาด
นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ รายงาน การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 571,000 ตำแหน่งระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน และสูงกว่า 395,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด
ไอเอชเอส มาร์กิตรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นมาที่สู่ระดับ 58.7 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจาก 54.9 ในเดือนกันยายน
กระทรวงพาณิชย์รายงาน คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.2% สูงกว่าการเพิ่มขึ้น 0%หรือทรงตัว ที่นักวิเคราะห์คาด
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมในวันศุกร์นี้
ตลาดหุ้นยุโรปมีส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มเหมืองแร่ที่เพิ่มขึ้น1% นักลงทุนรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะแถลงหลังตลาดปิดการซื้อขายของวัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 481.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด, +0.35%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,248.89 จุด ลดลง 25.92 จุด, -0.36%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,950.65 จุด เพิ่มขึ้น 23.62 จุด, +0.34%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,959.98 จุด เพิ่มขึ้น 5.53 จุด, +0.04%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 80.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2021ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 81.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2021