บล.คิงส์ฟอร์ดคาดหุ้นเคลื่อนไหวกรอบ 1,600-1,630 จุด รอเฟด

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” ประเมินดัชนีหุ้นวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,610-1,600 จุด แนวต้าน 1,620-1,630 จุด รอเฟด แนะทยอยซื้อเมื่อ่อนตัวกลุ่มธนาคาร ร้านอาหาร ค้าปลีก ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ หุ้นแนะนำวันนี้ IP-WHA

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ SET Index เคลื่อไหวในกรอบแนวรับ 1,610-1,600 จุด แนวต้าน 1,620-1,630 จุด ระหว่างรอผลการประชุมเฟด แนะนำทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว กลุ่มธนาคาร ร้านอาหาร ค้าปลีก ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น CRC, CPALL, GLOBAL, CBG, BGC, BH, BDMS

สหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนี SET ปิด -0.59% ต่างชาติขายสุทธิ 3.6 พันล้านบาท สถาบันขายสุทธิ 635 ล้านบาทระหว่างรอผลการประชุมเฟด โดยแรงขายมาจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ตามราคาที่ปรับตัวลงไปมาก โดยเฉพาะถ่านหินที่ได้รับผลกระทบจากรัฐบาลจีน รวมถึงแรงขายจากหุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ขณะที่หุ้นกลุมอิเล็กฯ ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า ส่วนสัปดาห์นี้ยังต้องติดตามการทยอยรายงานผลประกอบการ 3Q64 ของบริษัทจดทะเบียน

ด้านดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำ New High ต่อเนื่อง โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ หักกลบปัจจัยลบจากการรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เดือน ต.ค.ที่ชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 10 เดือน จากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัว รวมถึงความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าคาดในกลางปีหน้า ขณะเดียวกันนักลงทุนรอผลการประชุมเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ ถึงความชัดเจนของการปรับลดวงเงิน QE ก่อนที่จะปรับลดจริงในการประชุมเดือน ธ.ค.ซึ่งจะทำให้มาตรการ QE สิ้นสุดลงในกลางปี 65

ส่วนวันพฤหัสบดีติดตามการประชุม BOE อังกฤษคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย และการประชุมโอเปกว่าจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นจากมติเดิมหรือไม่

ส่วนวันศุกร์ติดตามการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ประจำเดือน ต.ค.คาด ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค.หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ย.และคาดว่าอัตราว่างงานเดือน ต.ค.จะลดลงสู่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือน ก.ย.

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ IP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.50 บาท) แนวโน้มรายได้และกำไรใน 3Q64 ทำ New High หลังจากซื้อโรงงานผลิตยาเทวาฟาร์มา (เปลี่ยนชื่อเป็นโรงงานอินเตอร์ฟาร์มา จ.อยุธยา) แล้วเสร็จในเดือน ส.ค.64 ทำให้เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันที รวมถึงรับรู้รายได้จากโรงงานโมเดิร์นฟาร์มา จ.สมุทรปราการ ที่รวมกิจการเข้ามาตั้งแต่ พ.ย.63 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นรองรับการผลิตยาและอาหารเสริมของบริษัท และการรับจ้างผลิต

นอกจากนี้บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ ขยายช่องทางจำหน่ายไปสู่ตลาด B2C มากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 850-900 ลบ.จากเดิม 750-800 ลบ และในปี 65 รายได้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อราว 20-25% ส่วนในระยะยาวตั้งเป้ารายได้แตะ 2,500 ล้านบาท ภายในปี 68 จากทั้งธุรกิจเดิม การขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และแผนขยายธุรกิจครอบคลุมต้นน้ำถึงปลายน้ำ

หุ้น WHA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.97 บาท) ได้ประโยชน์จากภาพของการระบาดโรค Covid-19 ที่ดีขึ้น และการ Reopening ส่งผลให้การเจรจากับลูกค้าต่างชาติในแง่ของการขายที่ได้กลับมาดำเนินได้ต่อเนื่อง (เป้าในปีนีที่ 850 ไร่) โดยเฉพาะช่วง Q4 เป็น High season อยู่แล้วและจะมีแรงหนุนจากการขายสินทรัพย์เข้า WHART (สินทรัพย์ที่จะขายเข้าในปีนี้ มูลค่า 5,550 ลบ.) ด้านธุรกิจ Utility คาดว่า Q4 กลับสู่ปกติหลักจากที่ก่อนหน้านี้ โรงไฟฟ้า Gheco-one มีการปิดซ่อมบำรุง

อนึ่งตลาดคาดว่า EPS ปี64 จะทรงตัวจากปี 63 ที่ ที่ 0.17 บาท/หุ้น แต่จะกลับมาขยายตัวได้ในปี65 ที่ 0.22 บาท/หุ้น