ธนาคารกรุงศรี ประเมินค่าเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหว 32.40-32.80 ต่อดอลลาร์สหรัฐ มองบาทแข็งหลังเงินไหลเข้า
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.80 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.76 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนหลังข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2561 ของไทยสดใสเกินคาดและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณไทยไม่สามารถฝืนทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นของโลก ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 5.7 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิสูงถึง 3.56 หมื่นล้านบาท
ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่หลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเขาจะวิจารณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยดอลลาร์ในตลาดโลกยังเข้าสู่ช่วงปรับฐาน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังอดีตที่ปรึกษาสองคนของปธน.ทรัมป์อาจจะต้องโทษจำคุก อย่างไรก็ดี ข้อพิพาททางการค้ายังคงยืดเยื้อหลังการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับกลางของสหรัฐฯ และจีนสิ้นสุดลงอย่างไร้ความคืบหน้า ขณะที่มีการบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ของแต่ละฝ่ายอีกรอบ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า สุนทรพจน์ของนายพาวเวลล์ ประธานเฟด ในที่ประชุมธนาคารกลางของโลกที่เมือง Jackson Hole บ่งชี้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่องนั้นเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด โดยประเมินว่ามีโอกาสน้อยมากที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะสูงเกินเป้าหมายของเฟด ท่าทีดังกล่าวเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดไว้ ซึ่งลดความกังวลที่ว่าเฟดอาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเร่ง ในช่วงเปิดการซื้อขายสัปดาห์นี้ เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 10 สัปดาห์ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงด้วยแรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่มีแนวโน้มไหลเข้ามาพักในตลาดการเงินภูมิภาครวมถึงไทยในระยะนี้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ธปท.ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ค่อนข้างชัดเจน หลังเศรษฐกิจเติบโตกระจายตัวมากขึ้น ส่วนข้อมูลส่งออกนำเข้าเดือนกรกฎาคมยังอยู่ในทิศทางสดใส ผู้ว่าการธปท.ระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการปรับขึ้นดอกเบี้ย และมองว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษ หรือดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมากมีความจำเป็นน้อยลง แต่ในอนาคต อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นอย่างช้าๆ และยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม อาทิ การกีดกันทางการค้า และอุปทานของอสังหาริมทรัพย์บางประเภทเกินความต้องการ ทั้งนี้ เราคาดว่ากนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50% สู่ระดับ 1.75% ในเดือนพฤศจิกายน 2561