เหยื่ออันโอชะ DPAINT-GLORY “รายย่อย” เจ๊งหลายพันล้านบ.

HoonSmart.com>>เกมส์โหด !!!  ทำให้นักลงทุนทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า บาดเจ็บหนักเจียนตาย จากหุ้น IPO โดยเฉพาะคนที่หวังรวยเร็วติดจรวด กระโดดเข้า “ฮุบเหยื่อ” ราคาเปิดซิลลิ่งที่ 22.50 บาท ในวันแรกของการซื้อขายหุ้นบริษัท สีเดลต้า (DPAINT) ในตลาด mai ลุยเข้าเก็งกำไร เพราะหวังว่าจะขายซิลลิ่งที่สองในวันรุ่งขึ้น แต่ฝันสลายไปในพริบตา ราคาไหลลงอย่างรวดเร็ว ดิ่งไปต่ำสุด แตะ 11.50 บาท ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ 12.90 บาท แลกหมัดซื้อขายกันถึง 6,662.77 ล้านบาท

นักลงทุนที่เสียหายยับเยิน เพราะ”ฮึดสู้” พลาดไม้แรกแล้ว ยังโถมเงินเข้าซื้อเพิ่ม เพื่อหวัง “เด้ง” แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม ในที่สุดต้องจำใจ “ห่อ” กลับบ้าน

โดยยังมีความหวังว่าจะเด้งกลับขึ้นแรงในวันที่สอง แต่แล้วเปิดตลาดวันที่ 29 ต.ค.ราคายังคงไหลลงต่อ และหมดโอกาสแก้มือ เมื่อราคาปิดต่ำสุดของวัน  10.30 บาท ร่วงลง -2.60 บาท คิดเป็น -20.16% วอลุ่มยังคงหนาแน่นที่ 1,460 ล้านบาท

” ใครที่ซื้อหุ้น DPAINT ตอนเปิด 22.50 บาท ซิลลิ่ง 200% เทียบกับราคาปิดที่ 10.30 บาท เพียง 2 วันเท่านั้น ขาดทุนหนักกว่า 54% ถ้าซื้อหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น ใช้เงินลงทุนไป 22,500 บาท (ไม่รวมค่าคอมมิชชัน) มาถึงวันนี้ เหลือเงินแค่ 10,300 บาท ”

ส่วนนักลงทุนที่เข้าไปเก็งกำไรหุ้นบริษัท รุ่งเรืองตลอดไป (GLORY) เจ็บสาหัสไม่น้อยกว่ากันเท่าไร เข้าเทรดวันแรก (25ต.ค.) หุ้นโชว์ฟอร์มเจ๋ง ไล่ราคาเรียกแขกน่าดูชม เปิดสวยที่ 5.30 บาท ก่อนทิ้งลงไปลึกสุด 4.36 บาท แล้วกระชากกลับขึ้นไปสูงลิ่ว 8.30 บาท ก่อนปิดที่ระดับ 7.60 บาท แจกกำไรสุดหรูแก่คน “กล้าลุย” และคนจองหุ้นที่ราคา 2.80 บาท ตั้ง 171.43%

ใครเข้า-ออกถูกจังหวะ “รวยเละ” แต่หากตัดสินใจผิด “จนหนัก” ยิ่งถ้าไม่ตัดสินใจทิ้ง จบเกมส์ตั้งแต่วันแรก ยิ่งสู้ ยิ่งสาหัส กอดนานยิ่งเจ็บ ไหลลง 4 วัน ปิดที่ 4.56 บาท วันที่ 29 ต.ค.2564

นักลงทุนที่ติดยอดดอย แถว 8.30 บาท หากถือมาจนถึงวันนี้ แบกขาดทุนกว่า 45%

ความผิดพลาดจากการตัดสินใจลุย “DPAINT” ส่วนหนึ่งคงเพราะเห็นตัวอย่างจากอดีต บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี (SICT) เข้าซื้อขายใน mai หมวดเทคโนโลยี (TECH) เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2563 ขาย IPO ที่ราคา 1.38 บาท ฟอร์มสวย ราคาซิลลิ่ง 2 วันติดต่อกัน วันแรกเปิดและปิดที่ 4.14 บาท วันที่สองปิดที่ 4.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.62 บาท คิดเป็น 14.98% ล่าสุดวันที่ 29 ต.ค.2564 ราคาปิดที่ระดับ 4.98 บาท

ความเสียหายจากหุ้นใหม่ทั้ง 2ตัวนี้ ประเมินมูลค่าหลายพันล้านบาท เมื่อพิจารณาจาก “DPAINT” เข้าซื้อขายเพียง 2 วัน เทรดสนั่นเมืองมากกว่า 8,000 ล้านบาท หมุนหุ้นกันไม่รู้กี่รอบ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนหุ้น IPO แค่ 53.25 ล้านหุ้น และบริษัทมีทุนเรียกชำระแล้ว 230 ล้านหุ้นเท่านั้น

“GLORY” ซื้อขาย 5 วัน (25-29 ต.ค.) เทรดสนั่นมากกว่า 10,380 ล้านบาท เทียบกับการเสนอขาย IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น และทุนเรียกชำระแล้ว 135 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 0.50 บาท

ไม่เพียงแค่หุ้น 2 ตัวดังกล่าวนี้  ยังมีหุ้น IPO หลายตัวเข้าซื้อขายวันแรก ราคาต่ำจอง ถึงวันนี้ เช่นหุ้น CV หรือ UBE หุ้นดี แต่ไร้การเหลียวแลจากนักลงทุน

เหตุการณ์ครั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่ผ่านสังเวียนมานานมาก ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องขาดทุนหนัก เพราะเชื่อว่า รู้จักตัดขาดทุน (cut loss) เมื่อรู้ว่าตัดสินใจผิดทาง และมีเงินหน้าตักมากเพียงพอที่จะสู้ รู้ว่าลงลึกเท่าไรถึงจุดต้องถอย

แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด เห็นจะเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ บางคนเพิ่งชิมลางการลงทุนในตลาดหุ้นครั้งแรก เมื่อได้รับการจัดสรรหุ้น บริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) มีประสบการณ์น้อย แถมยังมีเงินลงทุนไม่มากนัก ความผิดพลาดครั้งใหญ่จากหุ้น DPAINT หรือ GLORY ต้องเลือกตัดใจขายหุ้นในพอร์ตทิ้ง แม้ขาดทุนก็จำเป็นต้องทำ เพราะยอมรับไม่ได้กับขายหุ้นสองตัวนี้ ทำให้ต้องขาดทุนซ้ำสอง เพื่อใจจำกอดหุ้นน้องใหม่ต่อไป ซึ่งไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าราคาจะลงไปสิ้นสุด ณ จุดใด

สำหรับนักลงทุนที่ไม่เข้าไปติดบ่วง ก็ขอให้จำเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน ตลาดหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง ก็มีโอกาสขาดทุนสูงเช่นเดียวกัน…