HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 266 จุด หลังแรงหนุนจากผลประกอบการแผ่ว ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลดลง ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 2%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ปิดที่ 35,490.69 จุด ลดลง 266.19 จุด หรือ 0.74% หลังแรงหนุนจากผลประกอบการแผ่วลง
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,551.68 จุด ลดลง 23.11 จุด, -0.51%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,235.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด, 0.00%
หุ้นไมโครซอฟต์ เพิ่มขึ้น 4.2% จากผลการดำเนินงานไตรมาสสามดีกว่าคาด และรายได้เพิ่มขึ้นเร็วสุดตั้งแต่ปี 2018 หุ้นอัลฟาเบทลดลง 4.9% จากกำไรดีกว่าคาด หุ้นวีซ่าลดลง 6.9% จากคาดการณ์แนวโน้มรายได้ที่นักวิเคราะห์มองว่าเชิงสงวน รวมทั้งจากการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรม
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ลดลง 5.4% แม้กำไรและรายได้ดีกว่าคาด ส่วนหุ้นโบอิ้งลดลง 1.5% หลังขาดทุนมากกว่าคาด
ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสสามของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 37.6% จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยใน 192 บริษัทที่แจ้งผลการดำเนินงานแล้วนั้น 82.8% มีผลการดำเนินงานดีกว่าคาด
นักวิเคราะห์จาก Webull แพล็ตฟอร์มซื้อขาย ระบุว่า เห็นสัญญานบวกของตลาดแข็งแกร่ง โดยนักลงทุนสนใจซื้อเป็นรายตัวจากผลการเนินงานมากกกว่าภาพรวมตลาด
นักวิเคราะห์จาก Oanda ระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสสามนี้ถูกจับตาเรื่องแนวโน้มราคาและต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ดูแล้วผู้บริโภคยังรับมือกับประเด็นนี้ได้
ไรอัน เพนย์ ประธาน Payne Capital Management ระบุว่า ผู้บริโภคมีเงินสดในมือมหาศาล และปรับตัวกับราคาที่สูงขึ้นได้ จึงทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนขยายตัว แม้มีผู้บริโภคส่วนหนึ่งอ่อนไหวกับราคาที่สูงขึ้น แต่เงินในระบบมีมาก และค่าจ้างเพิ่มขึ้น บริษัทจดทะเบียนจึงปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
นักวิเคราะห์จาก LPL Financial ระบุว่า ยังมีสัญญาณที่ตลาดจะปรับขึ้นได้อีกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ปัจจัยฤดูกาล และสัญญานการระบาดไวรสเดลตาที่สูงสุดแล้วยังเป็นแรงหนุนหุ้นในปลายปี จึงยังคงคำแนะนำ overweight
อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมธนาคารกลาง (เฟด) ในสัปดาห์หน้าส่งผลให้กลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.59% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1.92% หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 2.05% หุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ ลดลง 1.55% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 1.12%
นักวิเคราะห์จาก Bright Trading LLC ระบุว่า เฟดไม่สามารถเลี่ยงเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้อีกแล้วแม้จะบอกว่าเป็นภาวะชั่วคราวแต่ถึงเวลาแล้วที่เฟดต้องลดการอัดฉีดเงิน เริ่มลดซื้อพันธบัตรและปรับขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดที่ร่วงลงยังมาจากการอ่อนตัวของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดย หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 2.6% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.79%
กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเดือนกันยายน ลดลง 0.4%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเหมืองแร่ที่ลดลง 2% นักลงทุนขานรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนแล้ว รวมทั้งจากข้อมูลเศรษฐกิจ
หุ้นดอยช์แบงก์ลดลง 6.9% จากรายได้จากอินเวสเม้นท์แบงกกิ้งที่ลดลง แต่กำไรยังดีกว่าคาดและสูงขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 474.04 จุด ลดลง 1.70 จุด หรือ -0.36%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,253.27 จุด ลดลง 24.35 จุด หรือ -0.33%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,753.52 จุด ลดลง 12.99 จุด หรือ -0.19%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,705.81 จุด ลดลง 51.25 จุด หรือ -0.33%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 82.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล