PACO คว้างานช้าง 800-1,200 ลบ. ผลิตชิ้นส่วนแอร์ ป้อนรถยนต์ระดับโลก

HoonSmart.com>>”เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายหนึ่ง จ้างผลิตชิ้นส่วนหลักเครื่องปรับอากาศ (OEM) นำไปใช้ในการประกอบรถยนต์ เป็นเวลา 4 ปี และจ้างผลิตชิ้นส่วนต่อเนื่อง (OES) เพื่อผลิตชิ้นส่วนสำหรับอะไหล่ นาน10 ปี มูลค่ากว่า 800-1,200 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาสที่ 1/2565

นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถยนต์จำนวนหลายรุ่น ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายหนึ่ง โดยมีสัญญารับจ้างผลิตชิ้นส่วนหลัก(OEM) เพื่อนำไปใช้ในการประกอบรถยนต์ เป็นระยะเวลา 4 ปี

นอกจากนี้บริษัทฯได้ลงนามรับจ้างผลิตชิ้นส่วนต่อเนื่อง (OES ) เพื่อผลิตชิ้นส่วนสำหรับอะไหล่ เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งสัญญานี้มีมูลค่ากว่า 800-1,200 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 1/2565

สำหรับธุรกิจรับจ้างการผลิตชิ้นส่วนหลักให้ผู้ผลิตรถยนต์เป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท และสัญญาการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนหลักมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท เนื่องจากธุรกิจหลักของบริษัทคือ การผลิตและจำหน่ายอะไหล่เครื่องปรับอากาศ รถยนต์รุ่นต่างๆ เพื่อจำหน่ายในตลาด After Market และส่งไปไปทวีปต่างๆทั่วโลก

“การเซ็นสัญญา OEM ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อ PACO หลายด้าน คือ 1. PACO ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การเป็นผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ OEM ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่างเต็มตัว 2. คำสั่งซื้อประมาณ 800 ล้านบาท -1,200 ล้านบาท จะทำให้ฐานรายได้และผลประกอบการมั่นคงยิ่งขึ้น 3. บริษัทมีโอกาสที่จะได้รับออเดอร์ จากค่ายรถยนต์ระดับโลกรายอื่นๆอีกมาก เนื่องจากประเทศไทยเป็น 1 ในศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของโลก 4. บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ OEM อย่างชัดเจนภายใน 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งปีหน้าจะรับรู้รายได้ได้เต็มปีทันที” นายสมชายกล่าว

PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 682 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท ในขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 397 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกปี 2563 โดย PACO มีอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเป็น 16.7% สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ OEM ที่ประมาณ 5-10% เนื่องจาก PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เน้นตลาดอะไหล่ทดแทน (Aftermarket Parts) จึงสามารถกำหนดราคาขายสินค้าได้เอง และมีการแข่งขันด้านราคาที่น้อยกว่า

นายธเนศ เลิศขจรกิตติ ผู้อำนวยการด้านการตลาด บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์  กล่าวว่า ธุรกิจหลักของบริษัทตลอด 30 ปี คือ ผลิตและจำหน่ายอะไหล่แอร์รถยนต์ในตลาด Aftermarket ทั้งในประเทศ และส่งออก ยังมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะการเปิดเมือง เปิดประเทศของไทย และ ประเทศต่างๆในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกกลางและเอเชีย ทำให้มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นสูง ขณะนี้บริษัทฯมีคำสั่งซื้อไปจนถึงไตรมาส 1/2565 แล้ว  คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการปีนี้และปีหน้ายังเติบโตได้ดีตามเป้าหมายของบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทฯได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ของโลก คือ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเริ่มจาก ผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ซึ่งขณะนี้ PACO ได้ผลิต แบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ Tesla ซึ่งเป็น แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก สำหรับรุ่น Tesla Model X และ Tesla 3 ตลอดจน รถยนต์ Plug-in Hybrid แบรนด์ BMW Series 3 และ Series 5 รุ่นปัจจุบัน (G20 และ G30) ซึ่งได้รับความนิยมสูงทั่วโลกโดย PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทนรายแรกของไทย ที่เริ่มเปิดตลาดแบตเตอรี่คูลเลอร์ ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ

บริษัทฯได้ขยายกลุ่มสินค้า ประเภทแอร์รถยนต์แบบครบวงจร ตั้งแต่คอมเพรสเซอร์แอร์ น้ำยาแอร์ ท่อน้ำยาแอร์ และ ขยายไปถึงสินค้าหม้อน้ำรถยนต์ และ อะไหล่ช่วงล่างประเภท ยางต่างๆ เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทและเครือข่ายร้าน PACO AUTO HUB ซึ่งได้ขยายไปแล้วกว่า 300 สาขา

บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์  มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี เป็น 1 ในผู้บุกเบิกการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ของไทย และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร ทั้ง คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น สำหรับรถที่มียอดจำหน่ายปานกลางถึงสูง ทั้งรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน รวมมากถึง 2,600 รุ่น โดยบริษัทฯ มี โรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และได้จำหน่ายสินค้าภายในประเทศ และ ส่งออกไปทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย