HoonSmart.com>>เซอร์ไพรส์! ธปท.ผ่อนคลายให้แบงก์ปล่อยกู้ซื้อบ้าน 100% ถึงสิ้นปี 65 จากเดิมต้องวางเงินดาวน์ 10-30% ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงาน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดยอดโอนเพิ่มกว่าที่คาดไว้ 18,000 – 30,000 ล้านบาท หนุนสินเชื่อบ้านปี 65 มีโอกาสโตเพิ่ม 0.3-0.7% อยู่ที่กรอบ 4.8-5.2% “แอลพีเอ็นฯ”คาดตลาดมีบ้านพร้อมอยู่พร้อมโอนประมาณ 7.5 แสนล้านบาท เฉพาะ LPN มี 8,000 ล้านบาท ถึงเวลาระบายสต็อก จัดโปรโค้งสุดท้ายต่อเนื่องถึงปีหน้า บล.ไทยพาณิชย์ ชูหุ้นเด่น SPALI-AP บล.เอเซีย พลัส แนะซื้อ AP-SPALI-SENA-LALIN-ASW
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่อง (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปี 2565 โดยกำหนดให้เพดานปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) เป็น 100% หวังจะกระจายเม็ดเงินใหม่และพยุงการจ้างงานผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีสัดส่วนกว่า 9.8% ของ GDP และมีการจ้างงานรวมประมาณ 2.8 ล้านคน
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศตลอดช่วงเวลาของมาตรการฯ จะเพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดไว้คิดเป็นมูลค่าราว 18,000 – 30,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีมาตรการฯ และจะทำให้สินเชื่อบ้านปี 2565 มีโอกาสเติบโตเพิ่มเติมได้ประมาณ 0.3-0.7% ไปอยู่กรอบ 4.8-5.2% สูงขึ้นกว่ากรอบคาดการณ์ปี 2564 ที่ 4.2-4.5%
อย่างไรก็ตามมีประเด็นติดตามเรื่องการประเมินความพร้อมในการก่อหนี้ก้อนใหม่หรือรีไฟแนนซ์หนี้เดิม ซึ่งครอบคลุมถึงความเสี่ยงด้านเครดิตและความสามารถในการชำระหนี้ที่อาจเผชิญปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด รวมถึงสถานการณ์รายได้และการจ้างงานที่อาจยังไม่กลับสู่ภาวะปกติอย่างเต็มที่ มีผลต่อเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อสำหรับลูกหนี้แต่ละรายในท้ายที่สุด
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวว่า ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อน 10-30% เพื่อมาวางเงินดาวน์ โดยกลุ่มสินค้าที่จะได้รับประโยชน์ เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่พร้อมโอน ซึ่งตอนนี้ในตลาดมีประมาณ 750,000 ล้านบาท เป็นประเภทคอนโดมิเนียมประมาณ 300,000 ล้านบาท และแนวราบประมาณ 450,000 ล้านบาท ในส่วนของ LPN มีสินค้าที่พร้อมอยู่พร้อมโอนประมาณ 8,000 ล้านบาท
นอกจากมาตรการผ่อนคลาย LTV แล้ว มาตรการสำคัญที่จะสามารถกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้คือ การผ่อนคลายความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ ปัจจุบันมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 40-50% ถ้าสถาบันการเงินผ่อนคลายการพิจารณา หรือภาครัฐสร้างเครื่องมือมาช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยกู้ได้ เช่น การค้ำประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อลดความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงิน เหมือนที่บรรษัทประกันสินเชื่อเพื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เชื่อว่าจะกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกทาง
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ (SIRI)กล่าวว่า โครงการบ้านเดี่ยวของบริษัท ส่วนใหญ่ 60-70% ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 30-40% จะเป็นราคามากกว่า 10 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท มีหลายยูนิต บริษัทจะจัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้
นาย ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) กล่าวว่า บริษัทฯมีที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท มีสัดส่วนประมาณ 70%ของพอร์ต ซึ่งการขยาย LTV เป็น 100%ถึงสิ้นปี 2565 คาดหวังจะทำให้กำลังซื้อของลูกค้ากลับคืนมาประมาณ 20% จากช่วงปีแรกหลังประกาศใช้ LTV ทำให้ลูกค้าหายไป 30% และถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์โควิด ลูกค้าหายไปอีก 30%
นายประวิทย์ โชติวัฒนาพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) กล่าวว่า บริษัทมีที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท พอสมควร ส่วนการปลดล็อก LTV อาจทำให้การแข่งขันในตลาดจะรุนแรงขึ้น ผู้ประกอบการจะเร่งจัดแคมเปญมากขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ธปท.ผ่านคลาย LTV ถือเป็นข่าวบวกและเกินคาดหมาย โดยจะส่งผลบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะใน Segment ระดับกลาง-ล่าง ที่ฐานลูกค้าต้องการใช้สินเชื่อเงินกู้
“หุ้นแนะนำเป็น Top Pick ของกลุ่ม ยังคงเป็น SPALI ราคาเป้าหมาย 27 บาท รองลงมา AP ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท”บล.ไทยพาณิชย์ระบุ
ด้านบล.เอเซีย พลัส มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์ เป็นกลุ่มพอร์ตสินค้าที่มีราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนใหญ่ในตลาดฯ
บล.เอเซีย พลัส แนะนำซื้อหุ้น AP ราคาเหมาะสม 10.80 บาท SPALI ราคาเหมาะสม 25.50 บาท SENA ราคาเหมาะสม 4.44 บาท หุ้น LALIN ราคาเหมาะสม 11.40 บาท และ ASW ราคาเหมาะสม 11.06 บาท