SCC-SCGP กำไร Q3 ต่ำสุดของปี โบรกฯมองเป็นโอกาส “ซื้อ”

HoonSmart.com>> “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง”-“ปูนซิเมนต์ไทย” นัดเปิดกำไรไตรมาส 3/2564 ในสัปดาห์หน้า บล.เมย์แบงก์ ชอบทั้งคู่ แนะซื้อหลังงบออก ให้เป้า SCC ที่ 520 บาท SCGP ที่ 72 บาท บล.หยวนต้า คาดกำไร SCC  อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท มองไตรมาส 4 ธุรกิจดีขึ้น แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 530 บาท ส่วนบล.ฟิลลิป คาด SCC ทำได้ 1.19 หมื่นล้านบาท แนะซื้อที่ 480 บาท ด้านหุ้น SCGP บล.เคจีไอ คาดกำไร 1.58 พันล้านบาท หั่นลดราคาเป้าหมายปี 65 ลงเหลือ 70.25 บาท แต่คงคำแนะนำ”ซื้อ” บล.คันทรี่ กรุ๊ป คาดกำไร อยู่ที่ 1.97 พันล้านบาท แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 72 บาท

บริษัทขนาดใหญ่จะเริ่มรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2564 โดยบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) จะรายงานกำไรสุทธิในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ส่วนบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จะเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 28  ต.ค.นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ “ซื้อ” ทั้ง SCC และ SCGP เนื่องจากธุรกิจเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำในไตรมาส 3 ไปแล้ว

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่า SCC จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564  จำนวน  7,500 ล้านบาท ลดลง 56% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบโควิด-19 และการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ธุรกิจปูนซีเมนต์ในเมียนมา เป็นปัจจัยกดดัน  อีกทั้งกำไรสุทธิของ SCGP ที่คาดว่าไตรมาส 3 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ด้วย ส่วนต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจจะไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า และใช้คุณภาพของวัตถุดิบที่ต่ำ ด้านทิศทาง Spread ปิโตรเคมีฟื้นตัวดีขึ้น แต่ต้นทุนก็ทรงตัวในระดับสูงเช่นกัน

แนวโน้มในไตรมาส 4/2564 จะเป็นไตรมาสที่เริ่มฟื้นตัวได้ขึ้น หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 แล้ว ทั้ง SCC และSCGP ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หลังจากประกาศกำไรแล้วเสร็จ โดย SCC แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 520 บาท เน้นเป็นการถือลงทุน เนื่องจากปัจจัยบวกยังไม่มีมาก แต่การจ่ายผลปันผลอยู่ในระดับที่ดี ประมาณ 4% ต่อปี ด้านทิศทาง Fund Flow อาจจะไม่ใช่ปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศมองหุ้นเปิดเมืองน่าสนใจมากกว่า ส่วน SCGP แนะนำซื้อที่ราคา 72 บาท ในปี 2565 คาดว่ากำไรจะดีขึ้นมาก เนื่องจากรับรู้กำไรส่วนแบ่งจากการลงทุนเต็มปี

นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” SCC ที่ราคาเป้าหมาย 530 บาท มองราคาหุ้นต่ำกว่า 400 บาท สะท้อนข่าวลบไปพอสมควรแล้ว เนื่องจากความกังวลของผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ คาดกำไรสุทธิที่ 10,000 ล้านบาท  มองว่าในไตรมาส 4 กำไรปกติอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ด้วยปัจจัยบวกจากธุรกิจก่อสร้างผ่าน Low Season และโควิด-19 ดีขึ้น ประกอบกับ Spread ปิโตรเคมีฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงได้รายได้จากเงินปันผลเพิ่มขึ้น

นายดนัย ตุลยาพิศิษฐ์ชัย นักวิเคราะห์การลงทุนด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาด SCC จะรายงานกำไร 11,974 ล้านบาท โดยทั้ง 3 ธุรกิจหลัก โดนกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น  แต่การปรับราคาขายยังทำได้จำกัด โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 480 บาท แม้กำไรครึ่งหลังของปี 2564 และปี 2565 จะถูกผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวขึ้น แต่คาดว่าในปี 2566 จะเป็นปีที่ดี จากการขยายกำลังการผลิตปิโตรเคมีที่เวียดนาม และเป็นตัวเลือกที่สำคัญที่เติบโตไปกับเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) คาด SCGP จะรายงานกำไร  1,580 ล้านบาท ลดลง 31% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากยอดขายลดลงในทุกตลาดหลักของอาเซียน โดยเฉพาะที่เวียดนาม ซึ่งโดนผลกระทบจากโควิด-19 หนักที่สุด ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบจากกระดาษรีไซเคิล และราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น แต่ในไตรมาส 4  เป็นต้นไป คาดว่าจะเป็นจุดฟื้นตัวของธุรกิจ จากโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย และรับรู้รายได้จากการลงทุนต่างๆ

“เรายังคงแนะนำซื้อ SCGP ถึงแม้ว่าจะปรับลดราคาเป้าหมายปี 2565 ลงเหลือ 70.25 บาท จากเดิม 78 บาท แต่คาดว่ากำไรจะเติบโตดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้ และโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 ถึง 29% ซึ่งยังไม่รวมกับการลงทุนใหม่ๆในอนาคตด้วย” บล.เคจีไอระบุ

บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป คาดการณ์กำไร SCGP อยู่ที่ 1,970 ล้านบาท เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ หลังความต้องการหดตัวทั้งในประเทศและตลาดอาเซียน ส่วนไตรมาส 4  ฟื้นตัวโดดอย่างเห็นได้ชัด จากปัจจัยที่ขยายกำลังการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ IPC ที่มีอัตรากำไรสูง และการคลายล็อกดาวน์ต่างๆ ทั้งนี้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท สะท้อนจากการเติบโตของการขยายธุรกิจ และการควบรวมกิจการจำนวนมาก

ด้านนักวิเคราะห์ ทั้ง 12 ราย แนะนำ”ซื้อ” SCC ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 509 บาท โดยเฉพาะบล.ไทยพาณิชย์ให้เป้าหมายสูงสุด 550 บาท และ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ให้ต่ำสุด 475 บาท แต่ยังคงสูงกว่าราคาในตลาด

ส่วน SCGP นักวิเคราะห์ 8 ใน 13 รายแนะนำซื้อ ส่วน 5 รายให้คำแนะนำเพียงถือ   บล.ทิสโก้ ลดราคาเป้าหมายลงมาเหลือ 60 บาท บล.กสิกรไทยและบล.โนมูระพัฒนสินปรับลดมูลค่าเหมาะสมลงเหลือ 66 บาท