ดาวโจนส์ปิดบวก 198 จุด ผลประกอบการหนุน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 198 จุด รับผลดำเนินงานไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง ลดความกังวลการระบาดโควิด-19 ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่บวก ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 19 ตุลาคม 2564 ปิดที่ 35,457.31 จุด เพิ่มขึ้น 198.70 จุด หรือ 0.56% จากการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิดที่ยังมีผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนมากและคลายวิตกต่อผลกระทบของต้นทุนที่สูงขึ้นต่อการฟื้นตัวของผลกำไรของธุรกิจ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,519.63 จุด เพิ่มขึ้น 33.17 จุด,+0.74%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่15,129.09 จุด เพิ่มขึ้น 107.28 จุด, +0.71%

การปรับขึ้นเมื่อวานนี้ส่งผลให้ดัชนี Dow และดัชนี S&P 500 ห่างจากระดับ all-time highs ไม่ถึง 1% แล้ว

หุ้นกลุ่มเดินทางปรับขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทประกันภัยรายงานผลกำไรรายไตรมาสดีกว่าคาด

หุ้นจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มขึ้น 2.3% จากรายการงาน EPS สูงกว่าคาด 25 เซนต์ และปรับคาดการณ์กำไรทั้งปีขึ้นแต่คงประมาณการยอดขายวัคซีนโควิด

หุ้นพร็อกเตอร์แอนด์แกมเบิล(P&G)ลดลง 1.2% แม้กำไรดีกว่าคาด รวมทั้งรายงานว่าได้ปรับราคาสินค้าขึ้นเพื่อรับต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์และค่าขนส่งที่สูงขึ้น และเตือนว่าเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

หุ้นวอลมาร์ทเพิ่มขึ้น 2.1% หลังโกลด์แมนแซคส์เพิ่มชื่อบริษัทในคำแนะนำ Americas Conviction List และชี้ว่าราคาจจะเพิ่มได้อีกราว 40% รวมทั้งจะครองส่วนแบ่งตลาดและความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นในปีหน้า

FactSet ระบุว่า ขณะนี้ 82% ของบริษัท ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว สูงกว่าคาด ซึ่งอาจจะทำให้ผลกำไรไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมเติบโต30%

บริษัทเน็ตฟลิกซ์ และสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 หลังจากตลาดปิดทำการซื้อขาย ซึ่งผลการดำเนินงานของเน็ตฟลิกซ์จะบ่งชี้ผลกำไรของกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ผลประกอบการของยูไนเต็ด แอร์ไลน์จะช่วยให้นักลงทุนประเมินการฟื้นตัวของกลุ่มเดินทางได้

แม้ผลการดำเนินงานที่รายงานออกมาแข็งแกร่ง แต่นักลงทุนรอความเห็นประกอบผลการดำเนินงานของบริษัทในเรื่องห่วงโซ่อุปทานและเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์จาก LPL Financial มองว่า แม้กลุ่มการเงินประเดิมการรายงานผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง แต่การระบาดของโควิดและปัญหาห่วงโซ่อุปทานยังไม่ส่งผลกระทบภาคธุรกิจนี้ จึงต้องจับว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นจะมีความเห็นอย่างไรต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

กระทรวงพาณิชย์รายงานข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนกันยายนลดลง 1.6% มาที่ระดับ 1.555 ล้านยูนิต ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และต่ำกว่า 1.620 ล้านยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มสาธาณูปโภคที่เพิ่มขึ้น 1.4% นักลงทุนยังเกาะติดการรายผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการระบาดของไวรัสโควิดหลังจากที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในบางประเทศรวมทั้งอังกฤษ

กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มลดลง 1% หลังจากดานอนรายงานผลการดำเนินที่ต่ำกว่าคาดและเตือนว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยหุ้นดานอน เนสท์เล่ และยูนิลีเวอร์ลดลง1.3%- 3%

นักลงทุนรอดูว่าปัญหาห่วงโซ่อุปทาน การขาดแคลนแรงงานและราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะมีผลอย่างไรต่อผลการดำเนินงาน

Refinitiv I/B/E/S ประเมินว่าผลกำไรไตรมาสสามของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปจะเติบโต47.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 468.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 จุด, +0.33%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,217.53 จุด เพิ่มขึ้น 13.70 จุด, +0.19%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,669.85 จุด ลดลง 3.25 จุด, -0.05%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,515.83 จุด เพิ่มขึ้น 41.36 จุด, +0.27%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ ปิดที่ 82.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ตุลาคม 2014 ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดที่ 85.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ตุลาคม 2020