HoonSmart.com>> “เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล” สุดยอด ราคาวันแรกเปิดกระโดด 3.20 บาท พุ่ง 64.10% คาดพอร์ตสินเชื่อปี 64 โต 7-8% ตั้งเป้าปล่อยใหม่ 6 พันล้านบาท เตรียมขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หวังสัดส่วนแตะ 40-50% จากปัจจุบันมีเพียง 7 % ส่วนปี 66 คาดพอร์ตสินเชื่อรวมแตะ 1.48 หมื่นล้านบาท ขยายสาขาครบ 830 สาขา ยัน สคบ.คุมเพดานดอกเบี้ยไม่กระทบ มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์น้อย
บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) นำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 19 ต.ค.2564 เปิดตลาดที่ราคา 3.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 64.10% จากราคาเสนอขาย IPO ที่ 1.95 บาท ระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดที่ 3.38 บาท และต่ำสุดที่ 2.96 บาท ก่อนปิดครึ่งวันภาคเช้าที่ 3.02 บาท บวก 1.07 บาทหรือ +54.87%
นายวิชัย ศุภสาธิตกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) เปิดเผยว่า เป็นที่น่าพอใจกับราคาเปิดวันแรก การที่มี ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ ช่วยสร้างความมั่นใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และยังเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งทั้งในด้านการเงิน และด้านของการสร้างกลยุทธ์ร่วมกันในอนาคต
ด้านนางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าพอร์ตสินเชื่อรวมในปี 2564 จะเติบโต 7-8% จากปีก่อนอยู่ที่ 8,277 ล้านบาท และณ สิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 8,420 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 6,000 ล้านบาท และในปี 2565-2566 จำนวน 8,000 ล้านบาท และ 12,000 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้ถึงเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 14,800 ล้านบาท ภายในปี 2566
บริษัทจะมุ่งเน้นสร้างการเติบโต ด้วยการสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ โดยการขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถให้เติบโต ในอนาคตสัดส่วนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 40-50% ของพอร์ตสินเชื่อรวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 7% และขยายพอร์ตสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต จากการที่ประชาชนหันมาทำธุรกิจกันมากขึ้น อีกทั้งยังมุ่งเน้นในการขยายธุรกิจ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อ โดยปัจจุบันได้เริ่มทำธุรกิจนายหน้าประกันภัย คาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-6% ของรายได้รวม นอกจากนี้บริษัทยังไม่มีแผนซื้อกิจการ แต่ก็ไม่ปิดโอกาส ถ้ามีประโยชน์ในการทำธุรกิจร่วมกัน ก็อาจจะพิจารณาในอนาคต
ส่วนการนำเงินจากการระดมทุนไปขยายสินเชื่อ และขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาให้ครบ 830 สาขา ในปี 2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ 451 สาขา เน้นไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก และนำเงินไปลงทุนพัฒนาระบบ IT ต่างๆ เพื่อเสริมความมั่นคงและแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ รองรับการเติบโตและการขยายตัวของฐานลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าปลายปี 2564 ระดับ NPLs จะไม่เกิน 3.5% และภายในปี 2566 จะไม่เกิน 2.9% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.7%
นางสุธารทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีการที่ สบค.พิจารณากำหนดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ ที่ระดับ 15% บริษัทมีผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์อยู่ที่ 4% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ก็ติดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 14-16% อยู่แล้ว
“ธุรกิจของเรามีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย จึงไม่มีช่วงที่เป็น High Season ส่วนการขยายสาขา มองไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการสูง ด้วยความแข็งแกร่งที่มีเครือข่ายเต็นท์มือสองทั่วประเทศ และมีลานประมูลรถมือสอง ทำให้เราสามารถเข้าถึงแหล่งที่มีความต้องการสูงได้ การเปิดสาขาจึงสร้างการเติบโต และรองรับความต้องการที่มีจริง เชื่อว่าในอนาคตไม่ต้องปิดสาขา” นางสุธารทิพย์ กล่าว
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า HENG มีศักยภาพเติบโตที่โดดเด่นจากพื้นฐานทางการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งในการให้บริการสินเชื่อแก่คนท้องถิ่นและแผนงานสร้างการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อขยายฐานการให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายแก่ลูกค้าในภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มเติมผ่านเครือข่ายสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพันธมิตรเต็นท์รถมือสองและนายหน้ามากว่า 5,100 ราย จะช่วยสนับสนุนอัตราการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่ออย่างก้าวกระโดดและผลักดันให้ HENG เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน