HoonSmart.com>>หุ้นน้องใหม่เร่งเข้าตลาดโค้งสุดท้าย 4 บริษัทระดมทุนรวม 3,606 ล้านบาทในเดือนต.ค.64 “เฮงลิสซิ่งฯ” เข้าเทรดใน SET 19 ต.ค.ต้องออกแรงลุ้นราคาสูงกว่า IPO ที่ 1.95 บาท เปิดงบไตรมาส 2/64 กำไรลด 50% เหลือ 48 ล้านบาท “รุ่งเรืองตลอดไป” ปลื้ม ยอดจองซื้อ 70 ล้านหุ้น หมดเกลี้ยง ตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้นำธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ “สีเดลต้า” เคาะราคาขายหุ้นละ 7.50 บาท เปิดจองซื้อ 19 – 21 ต.ค.นี้ “ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์” ขาย 13.50 บาท เปิดจอง 19 – 21 ต.ค.นี้ คุยสถาบันจองล้น 6-7 เท่า
บริษัทเฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล (HENG) ผู้นำสินเชื่อเช่าซื้อภาคเหนือ พร้อมเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 19 ต.ค.64 เสนอขาย IPO ราคา 1.95 บาท/หุ้น โดยธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ซื้อหุ้น 10% ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 2 ส่วนผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2564 กำไรสุทธิ 48.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท ลดลง 50.31% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 96.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท สาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79 ล้านบาท หรือ 425.83% จากงวดปีก่อน ขณะที่รายได้รวมมีจำนวน 405 ล้านบาท ลดลง 0.35% จากงวดปีก่อน
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 109.05 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.04 บาท ลดลง 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 171.00 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.06 บาท โดยมีรายได้รวม 765 ล้านบาท ลดลงจากงวดปีก่อน 74 ล้านบาท หรือ 8.83% และมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65 ล้านบาทจากงวดปีก่อน หรือ 68.13%
HENG มีทุนชำระแล้ว 3,810 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก 800.84 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.95 บาท มูลค่าระดมทุน 1,561.63 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 7,429.50 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ
นักกลยุทธ์คาดว่า HENG เข้าซื้อขายในภาวะตลาดเอื้ออำนวย แต่บริษัททำกำไรลดลง จะกดดันราคาหุ้นวันแรก ซึ่งจะต้องติดตามว่าจะสามารถเปิดได้ในราคาสูงกว่า IPO ที่ 1.95 บาทหรือไม่ นอกจากนี้นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นที่ทำธุรกิจแห่งโลกในอนาคต ที่มีเทคเข้ามาเกี่ยวข้อง คาดว่า บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป (GLORY) จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก
ด้านนายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป (GLORY) เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 25 ต.ค.นี้ หลังประสบความสำเร็จในการขายหุ้นจำนวน 70 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 2.80 บาท ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนจำนวนมาก สะท้อนศักยภาพธุรกิจและความเชื่อมั่นในฐานะผู้ประกอบการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่บริการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มและเป็นสื่อกลางการจัดจำหน่ายวรรณกรรมแปลลิขสิทธิ์ต่างประเทศ นิยาย การ์ตูน และหนังสือ ออนไลน์ ผ่านช่องทาง “ Kawebook ” แพลตฟอร์ม เพื่อรองรับการขยายตัวของวงการหนังสือในตลาดอีคอมเมิร์ช
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่ายในครั้งนี้จำนวน 189 ล้านบาท บริษัทฯ เตรียมนำไปซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรม นิยายและการ์ตูนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของวรรณกรรมให้ได้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย พัฒนาแพลตฟอร์ม Kawebook เพื่อขยายการเติบโตของฐานลูกค้ารวมไปถึงพัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับการใช้งานภาษาต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ
ส่วนอัตราการเติบโตในปี 2561-2563 จำนวน 42.52 ล้านบาท 73.43 ล้านบาท และ 78.24 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปี 35.81% ในขณะที่รายได้จากการจำหน่ายและบริการช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 45.43 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 19.40% ซึ่งสะท้อนผลและให้ความเชื่อมั่นได้ว่า GLORY จะเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งตามภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต
บริษัท สีเดลต้า (DPAINT) โดยนางจารีรัตน์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นจำนวน 53.25 ล้านหุ้น ที่ราคา 7.50 บาท/หุ้น เปิดให้จองซื้อในวันที่ 19 – 21 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 28 ต.ค.2564
สำหรับราคาเสนอขายหุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 32.80 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ 1 ก.ค.2563 – 30 มิ.ย.2564) โดยถือว่ามีส่วนลดพอสมควร DPAINT มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น เป็นหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคารรายที่ 3 ในตลาดหลักทรัพย์โดดเด่นทางด้านนวัตกรรม และผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
DPAINT มีผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561 – 2563) มีรายได้จากการขายและบริการ 519.3 ล้านบาท 585.7 ล้านบาท และ 596.2 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 7.2% ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.4 ล้านบาท 34.9 ล้านบาท และ 41.9 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 83.7% เป็นผลจากการขยายฐานลูกค้า โดยมีการเพิ่มจำนวนคู่ค้าทั้งร้านโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีก รวมทั้งการเริ่มผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ โดยเฉพาะกลุ่มสีคุณภาพพิเศษ ที่มีอัตรากำไรดี รวมไปถึงการได้เปรียบเชิงต้นทุน
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 เติบโตตามแผน แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 DPAINT มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5%
นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สีเดลต้า (DPAINT) เปิดเผยว่า DPAINT ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจสีทาอาคารที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีคุณภาพ และตรงความต้องการในแต่ละกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เตรียมเดินหน้าก้าวต่อไปอย่างมั่นคงสู่การเป็นผู้นำตลาดในระดับ Top 5 ของอุตสาหกรรมสีทาอาคารของไทยในระยะ 5-10 ปีจากนี้ และสร้างผลประกอบการที่ดีในระยะยาว
การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จึงเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ทั้งในด้านแหล่งเงินทุน การผลิต และแผนการขยายตลาดเชิงรุก ควบคู่การบริหารจัดการด้วยมาตรฐานสากล เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในอนาคต จึงอยากเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักลงทุนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความสำเร็จของบริษัท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จำนวนประมาณ 373.16 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้ลงทุนในการปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท ระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิต และบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสี จำนวน 440 เครื่อง จำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 2568 เพื่อขยายจำนวนร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขยายผลิตภัณฑ์สีกลุ่มที่อัตรากำไรดี
นอกจากนี้ จะนำเงินไปใช้ลงทุนในการทำระบบ ERP จำนวนประมาณ 10 ล้านบาท และใช้ลงทุนสร้างห้อง LAB จำนวนประมาณ 5 ล้านบาท ภายในปี 2565 ใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 25 ล้านบาท ภายในปี 2564 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 83.20 ล้านบาท
นายพิเชษฐ สิทธิอํานวย กรรมการผู้อํานวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) เปิดเผยว่า TFM เตรียมเสนอขายหุ้นจำนวน 109.30 ล้านหุ้น ราคาขายหุ้นละ 13.50 บาท คิดเป็นอัตราราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 21.7 เท่า เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นในวันที่ 19-21 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 29 ต.ค.2564
ส่วนการจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 109.30 ล้านหุ้น แบ่งเสนอขายให้นักลงทุนสถาบันในประเทศ จำนวน 50 ล้านหุ้น ซึ่งแสดงความสนใจจองซื้อมากกว่าจำนวนที่จัดสรรให้ถึง 6-7 เท่า , เสนอขายให้บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 40.405 ล้านหุ้น , เสนอขายให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของ TU จำนวน 2.5 ล้านหุ้น และเสนอขายให้ผู้มีอุปการคุณของบริษัท และบริษัทย่อย อีก 16.395 ล้านหุ้น
“การเดินหน้าเข้าระดมทุนของ TFM ในครั้งนี้ ถือเป็นการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นของกลุ่มไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง มีความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เศรษฐกิจ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยการกำหนดราคาหุ้นที่ 13.50 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากศักยภาพการเติบโตและแผนการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์น้ำในต่างประเทศ เพื่อสร้างรากฐานการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต” นายพิเชษฐ กล่าว