NRF ทุ่ม 60 ลบ. ซื้อหุ้น GTH เพิ่มหนุนถือ 100% ลุยตลาดกัญชง

HoonSmart.com>> “เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปร์ดิวซ์” ทุ่ม 60 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น “โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์” เพิ่ม 51% หนุนถือหุ้น 100% รุกตลาดกัญชงเต็มสูบ พร้อมตั้งบริษัทย่อย 2 แห่งในไทยและสิงคโปร์ เพื่อบริหารจัดการการลงทุนของกลุ่มบริษัท ส่วนธุรกิจ plant-based ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่

บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปร์ดิวซ์ (NRF) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2564 ได้มีมติอนุมัติซื้อหุ้นบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์  (GTH) จำนวน 51% เป็นเงิน 60 ล้านบาท จากนายจุลภาศ เครือโสภณ คาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2564 หลังการทำรายการส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นเพิ่มเป็น 100%

GTH ประกอบธุรกิจกัญชงครบวงจร อาทิ การนำเข้าเมล็ดกัญชงสายพันธ์ที่มีคุณภาพ พัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอาหารและ
เครื่องดื่มที่ผสมรสชาติกัญชงภายใต้แบรนด์ของ GTH เช่น Kinchakan, TOM,และช่อผกา และมีร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหรือกลิ่นกัญชง พร้อมทั้งขายแฟรนไชส์ (franchise) ร้านค้าดังกล่าวด้วย อีกทั้งGTH ยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ Dentiste Smooth E เซียงเพียวอิ๊ว เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจกัญชงในประเทศไทย

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทเป็นผู้นำทางการตลาดในอุตสาหกรรมกัญชงในประเทศไทย และจะทำให้มีความสามารถในการแข่งขันทั้งในภาคการส่งออกและอุปโภคบริโภคภายในประเทศอีกด้วย โดยหลังจากที่อุตสาหกรรมกัญชงถูกกฎหมาย บริษัทมองว่าอุตสาหกรรม ดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความรู้ ความเชี่ยวชาญของบริษัท GTH จะช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาและนำผลิตภัณฑ์จากกัญชงมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัท ทั้งใน Ethnic, plant-based, และ functional food อีกทั้ง

GTH มีผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ของ GTH เองและพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมอุปโภคและบริโภคอื่นๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น และจะช่วยส่งเสริมตลาดและขยายการจัดจำหน่ายของกัญชงในประเทศไทย

คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัท รีเจนเนอเรชั่น แคปปิตอล จำกัด และ บริษัท รีเจนเนอเรชั่น แคปปิตอล (สิงคโปร์) จำกัด ซึ่งมีสภาพเป็นบริษัทย่อยของบริษัท วัตถุประสงค์เพื่อบริหารการลงทุนภายใต้กลุ่มบริษัทให้มีประสิทธิภาพและสร้างผลตอบแทนสูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น อีกทั้ง การจัดตั้งบริษัทดังกล่าว จะช่วยให้บริษัทจัดการทรัพย์สิน และ เงินทุนของบริษัทและบริษัทย่อย ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย คาดว่าการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2564 โดยทุนจดทะเบียนของบริษัทจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง

สำหรับ บริษัท รีเจนเนอเรชั่น แคปปิตอลและ บริษัท รีเจนเนอเรชั่นแคปปิ ตอล (สิงคโปร์) จำกัด จะเป็นการจัดตั้งในรูปแบบของ Corporate Venture Capital (CVC) ซึ่งรับผิดชอบในการบริหารและจัดสรรเงินทุน ติดตามผลการดำเนินงานจากการลงทุนและโครงการลงทุนในปัจจุบันและในอนาคตของบริษัทและบริษัทย่อยของบริษัทพร้อมทั้ง ช่วยคัดสรรการลงทุนที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้เป็นไปตามกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รวมถึงการสร้างผลตอบแทนทางการเงิน

พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการปรับโครงสร้างภายในของบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100.0% เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ plant-based และผลักดันให้ธุรกิจดังกล่าวมีความพร้อมสำหรับการแข่งขันในระดับโลก และในภูมิภาคต่างๆ ทั้งในทวีป เอเซีย อเมริกา และ ยุโรป อีกทั้ง การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะช่วยรองรับโครงการลงทุนในอนาคต ที่บริษัทมองว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในประเทศ และทั่วโลก

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะจัดตั้งบริษัทใหม่เป็น Holding Company ประกอบธุรกิจ โดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าโปรตีนจากพืช (plant-based) และบริษัทHolding Company จะถือหุ้นบริษัทในเครือ โนฟ ฟู้ดส์ ทั้งหมดตามภูมิภาคดังกล่าวในสัดส่วน 100%