HoonSmart.com>> บล.เอเซีย พลัส ประเมินเปิดประเทศ 1 พ.ย.64 พร้อมผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศเพิ่ม หนุนดัชนีทะลุแนวต้าน 1,660 จุด หุ้นกลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยว ได้ปัจจัยบวกรับความชัดเจนเปิดประเทศ แนะ “ซื้อ” CENTEL-MINT-ERW กลุ่มค้าปลีก แนะ CRC-CPALL มองแผนเปิดรับนักท่องเที่ยว
ฝายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) ประเมินหุ้นกลุ่มที่ได้ปัจจัยบวกหลักๆ จากความชัดเจนการเปิดประเทศ คือ กลุ่มโรงแรม ประเมินแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามา ยังขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศคู่ค้าว่าเอื้อให้เกิดการเดินทางมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะ จีน อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยมองว่า Time line การเปิดประเทศที่ชัดเจน จะสร้างความเชื่อมั่นและการวางแผนเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งเร็วกว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยที่มองไว้ว่าจะเกิดขึ้นช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 คาดว่าจะเห็นผลบวกที่ชัดเจนช่วงไตรมาส 1/2565 ที่โดยปกติเป็น High season ของท่องเที่ยวไทย
สำหรับโรงแรมที่ได้อานิสงค์มากสุดคือ ERW ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 90% มาจากโรงแรมในไทย ตามด้วย CENTEL ที่มีรายได้จากโรงแรมไทยราว 80% ของรายได้โรงแรมและ MINT ที่โครงสร้างโรงแรมมาจากยุโรปเป็นหลัก แต่มีภาพการฟื้นตัวเร็วกว่าไทย ภายใต้ประมาณการเดิม ปรับไปใช้ FV ปี 2565 แนะนำ ซื้อ CENTEL ราคาเหมาะสม 43 บาท , MINT ราคาเหมาะสม 36 บาท และ ERW ราคาเหมาะสม 3.7 บาท ปรับคำแนะนำจากขาย เป็น ซื้อเก็งกำไร ตามธีม Restart Thailand
หุ้นกลุ่มค้าปลีก คาดกลุ่มผู้ขายแอลกอฮอล์จะได้ประโยชน์หลักๆ คือ กลุ่มร้านสะดวกซื้อ CPALL รวมถึง MAKRO รวมถึงหุ้นผู้นำธุรกิจค้าปลีก CRC ราคาเหมาะสม 35.2 บาท ฝ่ายวิจัย ชื่นชอบ CPALL ราคาเหมาะสม 65.5 บาท
ภาพรวมธุรกิจจากนี้ เห็นปัจจัยที่เข้ามาหนุน นำโดยจากการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจของรัฐฯ ที่เริ่มทยอยกลับมา หลังสถานการณ์ COVID ในประเทศดีขึ้น หากเริ่มยกเลิกเคอร์ฟิว+การกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ตามด้วยทยอยเปิดประเทศดังกล่าวไตรมาส 4/2564 อาจจะเห็นการหักล้างผลกระทบช่วงรอยต่อการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกขยับ CPRD (Lotus’s) ไปอยู่ภายใต้ MAKRO ผ่านการแลกหุ้นกับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งจะส่งผลให้ CPALL ถือหุ้น MAKRO ลดลง แต่จะเป็นจุดต่ำสุด
ทั้งนี้ เมื่อคืนทีผ่านมานายกรัฐมนตรีแถลงข่าวในช่วงค่ำ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ 2 ส่วนคือ
1. การเปิดรับนักท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีเร่งให้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ เรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยไม่กักตัว ซึ่งจะเริ่มต้นวันที่ 1 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นจะมีอย่างน้อย 10 ประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา และในอนาคตมีแผนจะเพิ่มจำนวนประเทศมากขึ้น
2. การพิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่มเติม คือ ภายในวันที่ 1 ธ.ค. 2564 จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และเปิดสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ-สถานบันเทิง
แถลงของการตอกย้ำแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทยที่จะเริ่มต้นในเดือน พ.ย. 2564 และยังเป็นการให้แนวทางการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศเพิ่มเติมอีกในช่วงปลายปี ASPS ประเมินจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจะมี Downside ที่จำกัดมากขึ้น เนื่องจากกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมา และ Sentiment ของประชาชนฟื้นตัว
สอดคล้องกับปัจจุบัน รายงานการเดินทางของประชาชนจาก Google (Google Mobility Trend) ฟื้นตัวขึ้นมาในระดับใกล้เคียงกับภาวะก่อนสายพันธุ์ Delta ระบาด แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับ SET Index ที่ขยับขึ้นมาใกล้กรอบแนวต้านเดิมโซน 1,660 เช่นกัน ASPS จึงเชื่อว่าแผนการรับนักท่องเที่ยวและผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจล่าสุดของนายกรัฐมนตรีจะช่วยให้ Google Mobility และ SET Index ฟื้นตัวผ่านแนวต้านไปได้