MAKRO ขอมติผู้ถือหุ้น 12 ต.ค.นี้ โหวตรับโอนกิจการ ‘กลุ่มโลตัสส์’ หนุนแกร่ง-โตก้าวกระโดด

HoonSmart.com>>12 ต.ค.2564 บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO จะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ครั้งที่ 1/2564 (ผ่านระบบออนไลน์) เพื่อพิจารณาอนุมัติการรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซียจากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) โดยออกหุ้นใหม่และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) จำนวนไม่เกิน 5,010 ล้านหุ้น รวมมูลค่าประมาณ 217,949 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการทั้งหมด และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) จำนวนไม่เกิน 1,362 ล้านหุ้น

เกิดผลดีในวงกว้าง
หากแม็คโครรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้ จะเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค (Fresh Food and Grocery) ต่อยอดกลยุทธ์การผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (offline and online: O2O) เพิ่มโอกาสการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เสริมสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาวให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นแม็คโครเอง รวมถึงกลุ่มโลตัสส์ และผู้ถือหุ้นของทั้งสองฝ่าย ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) และที่สำคัญยังเป็นแกนผนึกความร่วมมือกับเอสเอ็มอี (SMEs) และผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่นของไทย เพื่อขยายไปตลาดโลกผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” อัพเดตความต้องการของผู้บริโภคเพื่อพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ ช่วยยกระดับประเทศไทยเป็นฮับของอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค และ “ครัวของโลก”

จากการผนึกความร่วมมือกับเอสเอ็มอี (SMEs) และผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่นของไทย แม็คโครจะสร้าง Ecosystem เพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตสินค้าและผู้บริโภคในระดับภูมิภาค และพัฒนาโมเดลธุรกิจผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงสร้างมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตและยังถือว่าเป็น New S-Curve ของแม็คโคร

ความร่วมมือของแม็คโครและกลุ่มโลตัสส์ในการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า ประหยัดค่าใช้จ่ายจากการลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล และรองรับการแข่งขันกับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ต่างชาติ โดยยังคงจุดยืนสนับสนุนคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ จำหน่ายสินค้าในราคาที่เป็นธรรม

รับรู้รายได้จากกลุ่มโลตัสส์
แม็คโครจะมีผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดด จากโอกาสใหม่ทางธุรกิจหลังการรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ รวมถึงจะรับรู้รายได้จากกลุ่มโลตัสส์ ซึ่งมีพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ากว่า 1 ล้านตารางเมตร ที่มีแนวโน้มสร้างรายได้เพิ่มขึ้น หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยจะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง และช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงานได้ส่วนหนึ่ง

ผู้ถือหุ้นแม็คโครได้อะไร
เมื่อบริษัทมีโอกาสขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อการเติบโตและผู้ถือหุ้นก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น และจะดียิ่งขึ้นหากมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) มากกว่า 15% ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น ผู้ถือหุ้นของบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของแม็คโครแบบเฉพาะเจาะจงจากการรับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด (CPH) และบริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด (CPM) จะนำหุ้นสามัญเดิมของแม็คโครมาร่วมเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปด้วย นอกจากจะช่วยเพิ่ม Free Float ให้ได้ตามเกณฑ์แล้ว ยังเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น และเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ส่งผลให้หุ้น MAKRO มีโอกาสได้รับเลือกเข้าสู่การคำนวณในดัชนีสำคัญ เช่น SET 50 ทำให้หุ้นเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งสถาบันในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) จะมีเงินทุนรองรับในการขยายธุรกิจและปรับโครงสร้างเงินทุน ทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในแม็คโครด้วยสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 51.63% และจะรับรู้รายได้ของกลุ่มโลตัสส์จากการถือหุ้นทางอ้อมผ่านแม็คโคร นอกจากนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานของแม็คโครและกลุ่มโลตัสส์มีโอกาสเติบโตยิ่งขึ้นหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและเศรษฐกิจฟื้นตัว

มองบวกกำไรพุ่ง 1 เท่าตัวในปีหน้า
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์หุ้น MAKRO เมื่อปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มองบวกต่อดีลนี้ เห็นโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศ จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 2565-2566 ขึ้น 64-94% และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 52 บาท จาก 48 บาท โดยประเมินมูลค่าใหม่จากการคาดการณ์ราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ 45 บาท/ หุ้น ซึ่งจะได้รับเงินประมาณ 6,130 ล้านบาท จะนำเงินประมาณ 1 ใน 3 เพื่อชำระเงินกู้ยืม ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมผลประโยชน์ที่จะเกิดจากการผนึกกำลังร่วมกัน (Synergy) ประมาณ 2,700 ล้านบาท

แม็คโครจะมีผลการดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดด คาดว่าปี 2564 จะมีรายได้ประมาณ 2.27 แสนล้านบาท จะเพิ่มเป็น 4.98 แสนล้านบาทในปีหน้าและ 5.43 แสนล้านบาทในปี 2566 ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้คาดไว้ 6,533 ล้านบาท พุ่งขึ้นเป็น 12,977 ล้านบาทในปีหน้า และเติบโตเป็น 16,862 ล้านบาทในปี 2566

สอดคล้องกับมุมมองของ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่า รายได้ของแม็คโครจะเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจาก 2 แสนกว่าล้านบาท เป็นประมาณ 4 แสนล้านบาท ขณะที่กำไรก็จะเพิ่มเป็นกว่า 8,000 ล้านบาท โดยมาจากแม็คโคร ประมาณ 6,500 ล้านบาท และจากโลตัสส์ ประมาณ 2,000 ล้านบาท

เห็นอนาคตของแม็คโคร ที่มีโอกาสการเติบโตต่อไปในตลาดต่างประเทศพร้อมผนึกกำลังกับเอสเอ็มอี (SMEs) และผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่นของไทย หากได้รับอนุมัติให้รับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ เชื่อว่าเป้าหมายของแม็คโครและกลุ่มโลตัสส์ ที่จะเติบโตต่อไปในระดับภูมิภาคเอเชียคงอยู่ไม่ไกล ซึ่งผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของบริษัทในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้