COM7 มั่นใจ Q4 ยอดขาย all time high กระแสตอบรับ iPhone 13 พุ่ง

HoonSmart.com>> “คอมเซเว่น” เผยกระแสตอบรับ iPhone 13 ดีมาก ยอดจองล้นมากกว่าปีก่อน  ระยะเวลาขายมากกว่า ดันยอดขายไตรมาส 4 โตสูงสุดในประวัติศาสตร์ มั่นใจยอดขายทั้งปีโต 15-20% จ่อเปิดสาขาครบ 1,000 สาขาในปีนี้ มุ่งขยายสาขา Pop-Up Store  ลดความเสี่ยงปิดห้าง เตรียมขยายธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้าใน Index Living Mall คาดเริ่มช่วงเดือน พ.ย.นี้  เพิ่มช่องทางจำหน่าย-เพิ่มประเภทสินค้าตามกลยุทธ์

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายปี 2564 จะเติบโตตามเป้าหมายที่ระดับ 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 37,352.90 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 4 ยอดขายจะเติบโตสูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯมา (all time high) ซึ่งโดยปกติไตรมาส 4 จะทำยอดขายสูงสุดในทุกๆปีอยู่แล้ว จากการที่เข้าสู่ช่วงของการซื้อของสินค้า IT และอุปกรณ์เสริมต่างๆ อีกทั้งมาตรการภาครัฐ ที่กระตุ้นการบริโภค ช่วยลดหย่อนภาษีในช่วงท้ายปี

ทั้งนี้ ในวันที่ 8 ต.ค.2564 บริษัทได้เปิดจำหน่ายโทรศัพท์ iPhone 13 รุ่นใหม่ล่าสุด โดยเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกระแสตอบรับค่อนข้างดี มีการจองสินค้าเข้ามาอย่างล้นหลาม และในปี 2564 ช่วงเวลาเปิดตัว iPhone เร็วกว่าปีก่อนที่เปิดตัวในช่วงกลางเดือน ธ.ค.2563  คาดว่ายอดขายของ iPhone 13 สามารถรับรู้ได้เกือบเต็มไตรมาส และยอดจองดีกว่าปีก่อน คาดว่ายอดขายไตรมาส 4 จะเติบโตสูงสุดในประวัติศาสตร์ตามที่คาดการณ์ไว้

“ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เรามีผลกระทบจากการล็อกดาวน์เข้ามา แต่เราเห็นยอดขายยังดี อยู่ในระดับที่พอรับได้ ไม่มีผลขาดทุน กำไรก็คาดว่ายังดีอยู่ แม้มีการปิดห้างไปประมาณเดือนครึ่ง ซึ่งเราคาดว่ายอดขายในไตรมาส 4 จะเข้ามาชดเชยยอดขายในไตรมาส 3 ที่หายไปได้ โดยกระแสตอบรับ iPhone 13 ดีมาก เรามีสินค้าเท่าไหร่ก็ไม่พอ อีกทั้งยังได้ระยะเวลาการขายที่มากว่าปีก่อน ทำให้เป้าหมายยอดขายรวมทั้งปีโต 15-20% ตามแผนที่วางไว้” นายสุระ กล่าว

ส่วนเรื่องการขาดแคลน Supply ต่างๆ ในไตรมาส 4 ยังเจอกับปัญหานี้อยู่ เนื่องจากทั่วโลกเจอทั้งพลังงานขาดแคลน และปัญหาชิปขาดแคลนบางส่วน  ถ้าปี 2565 วิกฤตดังกล่าวเริ่มคลี่คลาย ก็คาดว่ายอดขายน่าจะปรับตัวดีขึ้นอีก ด้านค่าเงินบาทอ่อนก็มีผลกระทบบ้าง แต่ไม่ได้มีนัยสำคัญ เนื่องจากราคาสินค้า IT ในประเทศยังขยับขึ้นไม่มาก

สำหรับแผนการขยายสาขา  คาดว่า ณ สิ้นปี 2564 บริษัทจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 1,000 สาขา โดยในไตรมาส 4 จะเปิดเพิ่มประมาณ 40-50 สาขา และแผนการขยายสาขาในปีต่อไป บริษัทฯจะมุ่งเน้นขยายสาขาที่เป็น Pop-up Store มากขึ้น และปรับเปลี่ยนไปเป็นร้านค้า Stand Alone มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการปิดห้างสรรพสินค้าเหมือนในช่วงที่ผ่านมา โดยปกติแล้วแต่ละปีจะเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 100 สาขา เงินลงทุนเปิดสาขาประมาณ 300-400 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนที่จะเพิ่มประเภทสินค้า โดยมีแผนจะขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งได้จับมือ Index Living Mall ในการที่บริษัทเข้าไปขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่าย และเพิ่มประเภทสินค้าตามกลยุทธ์ของบริษัท อีกทั้งยังมุ่งเน้นพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางขายผ่านออนไลน์  คาดว่าสัดส่วนยอดขายออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปี 2565 จากปัจจุบันอยู่ที่ 6% ของยอดขายรวม

นายสุระ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) ก็ยังมุ่งเน้นสร้างการเติบโต เดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อต่อเนื่อง โดยหาแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ามาเสริมการให้บริการ เพื่อให้พอร์ตสินเชื่อมีการขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบัน COM7 ถือหุ้น NCAP อยู่ 33.93% ส่วนบริษัท ล้อทอง ปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาทำแผนการดำเนินธุรกิจ