SVI ซื้อโทโฮกุ ไพโอเนียร์ฯ หนุนกำไรต่อหุ้นโต 10% ใน 3 ปี

HoonSmart.com>> “เอสวีไอ” เข้าซื้อกิจการ “โทโฮกุ ไพโอเนียร์” ผู้เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ในไทย เพื่อใช้ติดตั้งอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ ป้อนลูกค้ากลุ่มอุตฯ ยานยนต์ญี่ปุ่นและยุโรป พร้อมผนึกกำลังนำเสนอสินค้าและบริการลูกค้า สร้างโอกาสขยายฐานลูกค้าประเทศญี่ปุ่นเพิ่ม หนุนอัตราการทำกำไรสุทธิเพิ่ม 2-3% ภายใน 3 ปีข้างหน้า

นายสมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติลงนามเข้าซื้อหุ้น 100% ของ บริษัท โทโฮกุ ไพโอเนียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์สำหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ติดตั้งในรถยนต์แบบสันดาบและยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งสัญชาติญี่ปุ่นและยุโรป ทั้งนี้ บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ มีพื้นที่การผลิตกว่า 15,000 ตารางเมตร รวมถึงยังเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (OEM) ให้แก่ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์แบรนด์ชั้นนำระดับโลกอีกมากมาย

สำหรับ บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ เป็นผู้ผลิตที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 20 ปี ในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งต้องใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต โดยที่อุปกรณ์ดังกล่าวนั้น สามารถนำมาใช้เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ SVI ดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ทำให้ได้ประโยชน์จากการเข้าบริหารซัพพลายเชนต้นน้ำ เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตโดยรวมลดลง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวของ SVI

ทั้งนี้ ภายหลังเข้าซื้อกิจการจะก่อให้เกิด Synergy ร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งระหว่างกัน ทำให้ SVI สามารถต่อยอดขยายตลาดใหม่จากฐานลูกค้าเดิมของบริษัทโทโฮกุไพโอเนียร์ ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีฐานผลิตในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้เพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังสามารถนำเสนอทางเลือกให้แก่ฐานลูกค้าของ SVI มาใช้อุปกรณ์สำหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากโรงงานดังกล่าว ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรได้เต็มประสิทธิภาพ โดย SVI วางเป้าหมาย 3 ปี จะผลักดันยอดรายได้บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,500 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,500 ล้านบาท

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้เกิด Win-Win ทำให้ SVI ใช้ความสามารถด้านการผลิตของโรงงานแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่เพื่อบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้ดียิ่งขึ้นควบคู่กับการขยายลูกค้ารายใหม่ เพื่อผลักดันยอดขายของบริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ ให้สูงขึ้นและบันทึกกำไรจากการดำเนินงานที่มาจากดีลนี้ ทำให้อัตราการทำกำไรสุทธิของ SVI เพิ่มขึ้น 2-3% และกำไรต่อหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในอีก 3 ปีข้างหน้า” นายสมชาย กล่าว