โบรกฯ มองน้ำมันดิบขาขึ้น เตือนก๊าซฯ-ถ่านหิน ผันผวน

HoonSmart.com>> บล.ดีบีเอสฯเตือนกลุ่มเหล็ก-ถ่านหิน ระวังความผันผวนช่วงสั้น รัฐบาลจีนออกนโยบายให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการถ่านหินที่มีคุณภาพดี แก้ปัญหาขาดแคลน ราคาหุ้นบ้านปูขึ้นมาถึงเป้านักวิเคราะห์แล้ว บล.หยวนต้ามองราคาน้ำมันดิบเบรนท์ไปต่อช่วงสั้นแกว่งแถว 85-90 เหรียญสหรัฐ บวกต่อกลุ่มพลังงาน แนะนำ BANPU ด้านบล.เมย์แบงก์ฯ มองราคาเลี้ยงตัวระดับ 75-77 เหรียญสหรัฐ ระวังราคาถ่านหินผันผวนช่วงสั้น แนะนำ TOP ด้านตลาดติดลบ 4.76 จุด เจอดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงกว่า 300 จุด ฉุดตลาดยุโรป-ญี่ปุ่นลงแรงตาม

วันที่ 6 ต.ค. หุ้นกลุ่มพลังงานยังคงโดดเด่น นำโดยบริษัทบ้านปู (BANPU) หลังราคาถ่านหิน ( Newcastle Coal) พุ่งแรง 12.29 % หรือ 29.50 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซื้อขายที่ 269.50 เหรียญสหรัฐ/ตัน รวมถึงราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้น 1.31 เหรียญ/บาร์เรลอยู่ที่ 78.93 เหรียญสหรัฐ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557 ขณะที่ราคาน้ำมันเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.30 เหรียญอยู่ที่ 82.56 เหรียญ ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ผลักดันให้ดัชนีขึ้นไปสูงถึง 1,631.81 จุดก่อนปิดที่ระดับ 1,619.48 จุด ลดลง 4.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97,659.10 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายหุ้น 1,263.05 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยซื้อ 1,896 ล้านบาท

สาเหตุที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงในช่วงบ่าย เคลื่อนไหวตามตลาดต่างประเทศ ทั้งญี่ปุุ่น และยุโรปรูดลงมากกว่า 1% และดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าทรุดลงกว่า 300 จุด จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ เศรษฐกิจและ Bond Yield เด้งอย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันและปิโตรเคมีที่ราคายังคงเพิ่มขึ้นและมีน้ำหนักต่อการคำนวณดัชนีประมาณ 30% ช่วยพยุงไม่ให้ตลาดปรับตัวลงแรง

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขอเตือนหุ้นกลุ่มเหล็ก โลหะ และถ่านหิน ควรระวังความผันผวนในช่วงสั้น หลังจากรัฐบาลจีนให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการถ่านหินที่มีคุณภาพดี เพื่อลดวิกฤตขาดแคลนพลังงาน และ Ban สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เหล็กโลหะ ถ่านหิน เป็นต้น

นอกจากนี้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ BANPU ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คงเหลือช่องว่างกับมูลค่าเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ไม่มากนัก

” ราคาถ่านหินขึ้นมาแรง เพราะความขาดแคลน หากมีเสียงเตือนจากจีนในการเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้เวลาราคาปรับตัวลงจะร่วงลงแรง เพราะราคาถ่านหินล่วงหน้าที่ขึ้นมาเยอะมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการเก็งกำไร ไม่ใช่เรื่องของความต้องการใช้กับการผลิตไม่สมดุลกันเท่านั้น และในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีความต้องการใช้สูงกว่าภาวะปกติ ทั้งนี้ในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ราคาอยู่ในโซนซื้อมากเกินไปแล้ว “น.ส.อาภาภรณ์กล่าว

ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูง ตามราคาถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ โดยภาครัฐของจีนเร่งที่จะนำเข้าพลังงาน และพยายามออกมาตรการที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการถ่านหินให้กลับมาเริ่มดำเนินธุรกิจอีกครั้ง เพื่อชดเชยพลังงานในประเทศที่ขาดแคลน รวมถึงนำพลังงานเข้ามาสำรอง เพื่อเตรียมไว้ช่วงฤดูหนาวด้วย เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้พลังงานมาก ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อราคาพลังงานในช่วงระยะสั้น

ประเทศจีนพยายามที่จะควบคุมราคาสินค้าพลังงาน เพื่อไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น รองรับการบริโภคในประเทศที่กำลังฟื้นตัว แต่พลังงานในประเทศกลับไม่เพียงพอ จึงจำเป็นที่จะต้องนำเข้าจากประเทศอื่นๆเข้ามาชดเชย ประกอบกับออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์กับผู้ประกอบการถ่านหิน ให้กลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง เพื่อป้อนวัตถุดิบพลังงานเข้ามาเสริม ส่งผลให้ในระยะสั้นราคาวัตถุดิบพลังงานปรับตัวขึ้น และส่งผลต่อไปยังราคาน้ำมันให้ขึ้นตาม แต่ประเมินว่าในระยะกลางหรือ ต้นปี 2565 ราคาอาจจะมีแรงกดดันจาก Supply ใหม่ที่เริ่มเข้ามาในระบบ และหมดช่วงฤดดูหนาว

นายณัฐพล กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในทางเทคนิคแล้ว คาดว่าราคาน้ำมันดิบทั้งเบรนท์และเวสต์เท็กซัสมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในกรอบ 85-90 เหรียญสหรัฐได้ จะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทั้ง PTTEP และ BANPU  แนะนำซื้อ ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมองว่ากลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ได้แก่ BGRIM , GPSC และ RATCH ส่วนกลุ่มที่ต้องจับตาคือกลุ่มโลหะ เนื่องจากต้นทุนอาจจะปรับสูงขึ้น แต่ก็ทำให้ราคาโลหะปรับขึ้นตามด้วย แนะนำ INOX

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีแนวโน้มจะขึ้นต่อ แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะปรับตัวขึ้นสูงแค่ไหน เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานยังสูง และยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนการแก้ไขปัญหาวิกฤตขาดแคลนพลังงานยังดำเนินการได้ช้าอยู่ ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังสามารถเลี้ยงตัวในระดับที่สูงกว่า 75-77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้

ส่วนแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นมา ตามอุปทานที่ยังขาดอยู่ เช่นเดียวกันกับราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นแรงมากอยู่ที่ 269 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามกระแสของการขาดแคลนพลังงานอย่างหนักในประเทศจีน ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วราคาจะกลับสู่สมดุล เมื่อมีอุปทานกลับมาปกติ ทำให้หุ้น BANPU ที่ปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของทั้งราคาถ่านหิน และราคาก๊าซธรรมชาติ แต่ยังไม่แนะนำเข้าลงทุนในตอนนี้

“ราคาถ่านหินปรับขึ้นแรงและเยอะเกินไป จากการเกิด Supply Shock ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามว่ามาตรการของจีนที่เอื้อต่อกลุ่มถ่านหินในช่วงสั้น แต่ระยะยาวอาจจะเอามาตรการออก และติดตามทั้งอุปสงค์กับอุปทาน รวมถึงราคาวัตถุดิบว่าจะผันผวนไปในทิศทางไหน ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานปรับขึ้น ผมชอบหุ้นพลังงานกลางน้ำ แนะนำ TOP ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับที่ดี ความต้องการสูงจากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ” นายวิจิตร กล่าว