CV เท 260 ล้านบ.ลงทุนเวียดนาม เพิ่มรายได้กว่า1พันลบ./ปี

HoonSmart.com>>‘CV’ ลงนาม MOU ทำ Due Diligence เข้าซื้อโรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ดในเวียดนาม 2 โครงการ มูลค่าลงทุน 6-8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 260 ล้านบาท ใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าของกลุ่มที่ประเทศญี่ปุ่น คาดเพิ่มรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี หนุนรายได้ปี 2565 โตก้าวกระโดด

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อการตรวจสอบฐานะทางการเงินของกิจการ( Due Diligence) โรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ด ในประเทศเวียดนาม จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6-8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 260 ล้านบาท โดยหากทำ Due Diligence เรียบร้อยจะนำโครงการเข้าพิจารณาโดยคณะกรรมการบริษัทฯอีกครั้ง

การทำ Due Diligence ทั้ง 2 โครงการดังกล่าว แบ่งเป็น
1.) โรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ด ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 140,000 ตัน/ปี และสัมปทานการปลูกป่าที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตมากกว่า 10,000 เฮกตาร์ (ปริมาณสำรองวัตถุดิบมากกว่า 300,000 ตัน/ปี) โดย CV จะพิจารณาสัดส่วนการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นหลักที่ 60% ซึ่งคาดว่าการพิจารณาที่จะเข้าลงทุนนี้จะสร้างรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท/ปี หาก COD ได้เต็มกำลังการผลิต

2.) โรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ด ในประเทศเวียดนาม มีกำลังการผลิต 100,000 ตัน/ปี และสัมปทานการปลูกป่าที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตมากกว่า 34,000 เฮกตาร์ (ปริมาณสำรองวัตถุดิบมากกว่า 1,000,000 ตัน/ปี) โดย CV จะพิจารณาสัดส่วนการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นหลักที่ 60% คาดจะสร้างรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 430 ล้านบาท/ปี หาก COD ได้เต็มกำลังการผลิต

“การพิจารณาเข้าลงทุนโครงการในครั้งนี้ จะเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มบริษัทฯ ทำให้เพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงของวัตถุดิบหลักที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า และบริหารจัดการควบคุมต้นทุนของเชื้อเพลิงได้ โดยจะใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าของกลุ่มในประเทศญี่ปุ่น และขายเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าอื่นๆ ภายนอกกลุ่ม โดยในระหว่างที่รอโรงไฟฟ้าของบริษัทในญี่ปุ่นก่อสร้างเสร็จ สามารถขายเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดได้ทันทีจากการทำสัญญา Supply Contract 1 – 3 ปี กับผู้ซื้อรายใหญ่ในญี่ปุ่น และเกาหลี ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 ดังนั้นทั้ง 2 โครงการจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2565” นายเศรษฐศิริ กล่าว