HoonSmart.com>>“KBank Private Banking – Lombard Odier” เชื่อกรณี Evergrande ไม่ซ้ำรอยวิกฤติเเลห์แมน บราเธอร์ส รัฐบาลจีนดูแลได้ คงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจโลก แนะ 7 กลยุทธ์การลงทุน ชูหุ้นกลุ่มวัฏจักร -โครงสร้างพื้นฐาน และสินทรัพย์นอกตลาด
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “BACK TO GROWTH AS WE KNOW IT?” ถึง กรณี Evergrande ว่า แม้บริษัทเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ที่หนี้ที่ไม่มีหลักประกันสูญเสียเงินต้นทั้งหมด แต่การประเมินของ Lombard Odier มั่นใจภาคธนาคารจีนมีความแข็งแกร่งพอที่จะทนทานต่อการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande ได้ กรณีฐานมองว่ารัฐบาลจีนมีเครื่องมือเพียงพอที่จะช่วยพยุงบริษัท เพื่อไม่ให้ส่งกระทบในวงกว้าง และ Evergrande จะไม่ซ้ำรอยวิกฤติเเลห์แมน บราเธอร์ส
ส่วนเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มทยอยกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวและการเติบโตของเศรษฐกิจ แม้นักลงทุนยังมีความกังวลจากการที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว แต่เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น (Stagflation) ทั้งนี้ KBank Private Banking และ Lombard Odier ยังคงมุมมองบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกในอีกหลายไตรมาสและหลายปีต่อจากนี้
นางสาวศิริพร สุวรรณการ Managing Director – Private Banking Financial Advisory Head ธนาคารกสิกรไทย เชื่อว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่วัฏจักรที่เติบโตในอัตราปกติ ซึ่งการจัดพอร์ทเน้นลงทุนหุ้นที่ได้อานิสงส์จากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเทรนด์ธุรกิจรักษ์โลก รวมการลงทุนในอุตสาหกรรมหรือบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและภูมิภาค ที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
สำหรับการลงทุน ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Managing Director – Private Banking Business Head ธนาคารกสิกรไทย แนะนำ 7 กลยุทธ์การลงทุน ได้แก่
1. มุมมองบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นที่มีราคาถูก (Value) และหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cyclical)
2.ควรลงทุนหุ้นยุโรปเพราะให้ผลตอบแทนที่ดี และยั่งยืน
3. การลงทุนพันธบัตรรัฐบาลต้องระวัง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯเริ่มลดสินทรัพย์ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน ทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯปรับขึ้นแตะระดับ 2.25% ในเดือนมิถุนายน 2565
4. การลงทุนในจีนยังให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยตราสารหนี้จีนทั้งพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชนบริษัทมีความแข็งแกร่ง ตราสารหนี้จีนให้ผลตอบแทนมากกว่าตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่มีอายุเท่ากันถึง 1.5% ถือว่าสูงมากในภาวะดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงค่าเงินหยวนมีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
5. ลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ให้ผลตอบแทนมากกว่าหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถึง 2.7%
6. ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพราะราคาของหุ้นกลุ่มนี้ยังขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้น สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น
7 .ลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ