HoonSmart.com>> “จี แคปปิตอล” ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 1 พันล้านบาท เผยครึ่งหลังเข้า High Season ตามการเกษตร ปรับแผนขยายธุรกิจใหม่ กระจายความเสี่ยง จับมือประกันภัยคุ้มครองหนี้เช่าซื้อ ร่วมทุนสร้างสนามบินเกาะเต่า คาดธุรกิจเริ่มบินได้ช่วงปลายไตรมาส 3 ปี 2565 ตั้งเป้าปี 67 รายได้อื่นๆแตะระดับ 25%
นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล (GCAP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเ้ป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2564 ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถปล่อยได้เพิ่มมากขึ้นตามฤดูกาล (High Season) สอดคล้องตามฤดูกาลเก็บเกี่ยวของภาคเกษตร ปัจจุบันบริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรประมาณ 75% และสินเชื่อส่วนบุคคลประมาณ 25% โดยมี NPLs ที่ระดับ 0.34%
ส่วนปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ บริษัทมีนโยบายที่จะออกมาตรการช่วยลูกค้าอยู่แล้ว พิจารณาวงเงินช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม
ส่วนการปรับตัวในทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยบริษัทฯมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ศึกษาการสร้างรายได้อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลของโครงสร้างรายได้ให้มากขึ้น รวมถึงการเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่สนใจจะเข้าร่วมทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ปัจจุบันได้ร่วมมือกับบริษัทประกัน ในการคุ้มครองมูลหนี้ของผู้ที่เช่าซื้อสินเชื่อ ในกรณีเกิดเหตุเสียเสียชีวิต เพื่อลดภาระหนี้สินที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินที่เกาะเต่า จังหวัดชุมพร โดยล่าสุดได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัท เอเชีย แอนด์ เทคโนโลยี (AAT) ในการร่วมมือกันบริการด้านการบินไปยังเกาะสมุย โดยเชื่อมต่อกับ 5 สนามบิน บริเวณใกล้เคียง (ชุมพร, สุราษฏร์ธานี, ภูเก็ต, อู่ตะเภา และหัวหิน) เบื้องต้นจะเน้นสนามบินที่อยู่บริเวณใกล้ที่สุด หรือใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีสนามบินชุมพรและสุราษฏร์ธานี ส่วนอีก 3 สนามบินจะเสริมเข้ามาเพิ่มเติม
ความร่วมมือโครงการสนามบินเกาะเต่า เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการบิน จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ บริษัท AAT จะเป็นผู้จัดหาเกี่ยวกับนักบิน , เครื่องบินที่จะใช้สำหรับเชิงพาณิชย์ และอู่ซ่อมบำรุงเครื่องบิน ส่วนเรื่องการก่อสร้างสนามบินเกาะเต่า บริษัทจะร่วมมือกับเจ้าของที่ดินบนพื้นที่เกาะเต่า โดยความร่วมมือบริษัทจะตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาเพื่อดูแลธุรกิจ ซึ่ง GCAP จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง 2 บริษัทย่อย คาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือ ต้นไตรมาส 4 ของปี 2565 และใช้เวลาคืนทุนประมาณ 3-5 ปี
นอกจากนี้การทำธุรกิจให้บริการด้านการบิน บริษัทยังสามารถต่อยอดเพิ่มเติมได้อีกมาก อาทิ การให้บริการปล่อยสินเชื่อเครื่องบิน การขนส่งสินค้าที่สามารถเน่าเสียได้เร็ว การพานักท่องเที่ยวบินชมรอบเกาะเต่า ซึ่งเกาะเต่ามีจุดเด่นที่โดดเด่น จากการสามารถดำน้ำได้ทั้งปี และจากการให้บริการเครื่องบินขนาดเล็ก รองรับได้ประมาณ 4 ที่นั่ง ซึ่งค่อนข้างตอบโจทย์กับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัว และปลอดภัยจากโควิด-19 โดยบริษัทคาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการควรมีอย่างน้อย 3 รายต่อ 1 เที่ยวบิน และควรมีผู้โดยสารทั้งขาไปและกลับ เพื่อความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
“GCAP ได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจใหม่ ในการเพิ่มสัดส่วนรายได้อื่นๆเข้ามา โดยตั้งเป้าภายในปี 3 ปี (ปี2567) บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากดอกเบี้ยรับของธุรกิจสินเชื่อประมาณ 75% จากปัจจุบันอยู่ที่ 95% และรายได้อื่นๆอีก 25% ซึ่งมาจากธุรกิจการบิน และธุรกิจประกันภัย รวมถึงรายได้อื่นๆเพิ่มเติมจากความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆด้วย เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายอนุวัตร กล่าวทิ้งท้าย