“คิงส์ฟอร์ด” คาด SET ถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศแนวรับ 1,590 – 1,600 จุด

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ยังถูกดดันจาก Evergrande เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ แนวรับดัชนี 1,590 – 1,600 จุด แนะทยอยซื้อหุ้นกลุ่มเปิดเมืองบริเวณ 1,590 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ ชู CMAN-SUN

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ยังถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ โดยวางแนวรับ 1,590 – 1,600 แนวต้าน 1,620 แนะนำทยอยซื้อหุ้นกลุ่ม Reopening บริเวณแนวรับ 1,590 เช่น CPALL, CPN, M, CENTEL, BEM, MAJOR / กลุ่มส่งออก TU, GFPT, KCE, HANA( +ค่าเงินบาทอ่อนค่า)

ดัชนี SET วานนี้ -1.39% ปริมาณการซื้อขาย 8.5 หมื่นล้านบาท สถาบันขาย 4.3 พันล้านบาท พอร์ตโบรกขาย 1.1 พันล้านบาท ต่างชาติขาย 277 ล้านบาท กลุ่มบรรจุภัณฑ์ -3.08%, ปิโตรเคมี -2.83%, เกษตร -2.26% ดัชนีปรับลดลงจากความเสี่ยงตลาดโลกเพิ่มขึ้น จากกรณี Evergrande เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ต่างชาติขายสุทธิในพันธบัตรไทย 3.1 พันล้านบาท กอปรกับ Fund Flow ทรงตัวระหว่างรอผลการประชุมเฟดว่าจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่

ปัจจัยในประเทศบอร์ดวินัยการเงินการคลังอนุมัติขยายเพดานหนี้จาก 60 % เป็น 70% ต่อ GDP โดย สบน.ประเมินรัฐบาลสามารถกู้เพิ่มอีก 1 ล.ลบ. เพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา, นิคม ฯ ส่วนการประชุม ศบค. วันที่ 27 ก.ย. เตรียมพิจารณา Bangkok Sandbox

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.78%, S&P500 -1.70%, Nasdaq -2.19%กลุ่มพลังงาน -3.04%, ธนาคาร -2.90% และกลุ่มเทคโนโลยี (FAANG) ปรับลดลง จากความกังวลปัญหาผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande บริษัทอสังหาฯ จีนจะกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ส่วนกลุ่มบล็อคเชนปรับลดลง หลัง ก.คลังสหรัฐออกกฏควบคุม Stable Coin

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.67% กลุ่มเหมืองแร่ -3.6% ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ , กลุ่มสินค้าหรูหราปรับลดลง จากความกังวลเศรษฐกิจจีนอาจถูกกระทบจากปัญหาหนี้ของ Evergrande

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CMAN (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N.A.บาท) บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยกำลังการผลิต 1 ล้านตันต่อปี มากสุดในเอเชีย มีโรงงานอยู่ในประเทศไทย เวียดนาม อินเดีย และมีการตั้งศูนย์กระจายสินค้าในออสเตรเลีย ด้านผลการดำเนินงาน 2Q64 มีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน 40 ล้านบาท และงวด 1H64 มีกำไรสทธิ 106 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน 2 ล้านบาท หนุนจากความต้องการใช้ปูนไลม์ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ในช่วงที่ราคา Commodities Boom รวมถึงรายได้มีความผันผวนน้อยลงจากการ Diversified Portfolio กลุ่มอุตสาหกรรมจากกลุ่มน้ำตาล

ผู้บริการคาดแนวโน้ม 2H64 จะยังสามารถเติบโตต่อเนื่องตามความต้องการใช้ในตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัวหลัง COVID-19 โดยเป็นการส่งออกราว 60% รวมถึงการเปิด DC ในออสเตรเลียที่มี Long-term supply agreement กับลูกค้ารายใหญ่ ขณะที่ช่วงปลายปีจะได้แรงหนุนความต้องการใช้ปูนไลม์จากการเข้าฤดูหีบอ้อย ซึ่งคาดการว่าปีนี้มีผลผลิตอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 90 ล้านตันอ้อย สูงกว่ารอบการผลิตปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 66.7 ล้านตันอ้อย รวมถึงจะทยอยปรับราคาขายขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิต Quick Lime ส่งผลให้ในปี 64 ผลการเนินงานจะพลิก Turnaround เป็นกำไรได้จากปีก่อนที่ขาดทุน 120 ล้านบาท

หุ้น SUN (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.90 บาท) ผู้บริหารคาดรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3Q64 ยังได้รับปัจจัยบวกจากเงิบบาทอ่อนค่าหนุนสินค้าส่งออก(สัดส่วนตลาดต่างประเทศคิดเป็นราว 70-80%) กลยุทธ์ของทางบริษัทยังคงเน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆประเภท Ready-to-Eat ที่มี Gross Profit Margin สูง (ปัจจุบันมี 8 ประเภท ได้แก่ ข้าวโพดหวาน มันหวานญี่ปุ่นเผา มันหวานญี่ปุ่นสีม่วงเผา มันหวานญี่ปุ่นสีส้มเผา ถั่วลายเสือ ธัญพืชรวม ซุปข้าวโพด และข้าวต้มมัด) โดยทางบ.มีการขยายกำลังผลิตสินค้า Ready-to-Eat เพิ่มในช่วงปลาย มิ.ย.64 จากเดิม 70,000 ชิ้นต่อวัน เป็น 100,000 ชิ้นต่อวัน ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าจะยังเติบโตราว 20-25% ต่อปี