บลจ.ทิสโก้เสิร์ฟ “กองทิสโก้ FinTech” ลงทุนธุรกิจเทคโนโลยีการเงินทั่วโลก

HoonSmart.com>> บลจ.ทิสโก้รุกเปิด IPO “กองทุนเปิด ทิสโก้ FinTech” กองทุนนวัตกรรมแห่งอนาคต เน้นลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีการเงิน “FinTech” ทั่วโลก บริหารกองทุนหลักโดย BlackRock ชี้โอกาสเติบโตเด่นตามพฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภคในยุคสังคมไร้เงินสด และธุรกิจการเงินปรับมาใช้ FinTech เพิ่มศักยภาพแข่งขัน เสนอขาย IPO 21 – 29 ก.ย. 64

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ FinTech (TFINTECH) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุน เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF FinTech Fund ชนิดหน่วยลงทุน I2 USD (กองทุนหลัก) บริหารและจัดการโดย BlackRock (Luxembourg) S.A. เน้นลงทุนในบริษัทที่มีรายได้จากการประยุกต์เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 21 – 29 ก.ย.2564 ทั้งนี้ กองทุนนี้กระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

“FinTech หรือการใช้เทคโนโลยีทางการเงิน เติบโตตามพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่เข้าสู่โลกสังคมไร้เงินสด โดยเฉพาะในช่วงที่ COVID–19 แพร่ระบาด ธุรกิจ FinTech เติบโตอย่างมากและกลายเป็นความต้องการพื้นฐานแทรกซึมในหลายๆ กิจกรรมของมนุษย์ เช่น Online shoppingการให้สินเชื่อผ่านระบบโมบายแบงก์กิ้ง รวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตและเครดิต นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาภาคธุรกิจยังได้นำเสนอบริการ Robo-advisor มาเป็นตัวช่วยสำหรับการลงทุน แม้กระทั่งการใช้ Smart Watch มาคำนวณเบี้ยประกัน อีกทั้งยังได้เห็นปรากฏการณ์ที่ธนาคารกลางหลายแห่งของโลกเริ่มทดลองใช้ Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการชำระราคาสินค้าและบริการ ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นว่าโลกของเราได้ก้าวเข้าสู่ยุคของ FinTech อย่างแท้จริง” นายสาห์รัชกล่าว

สำหรับโอกาสการเติบโตของธุรกิจ FinTech ในอนาคตนั้น Fisglobal ประเมินว่า ภายในปี 2567 การใช้จ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัล e -Wallet และ เดบิต เครดิตการ์ด จะมีสัดส่วน 85% ของธุรกรรมในอีคอมเมิร์ซ เพิ่มจากปี 2563 อยู่ที่ 80%* ขณะที่ PwC ประเมินว่าปริมาณการใช้จ่ายโดยไม่ใช้เงินสดจะเติบโตขึ้นถึง 3 เท่า ภายในปี 2573** โดยมีกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นแรงขับเคลื่อน รวมถึงการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัล อีกทั้งการเข้ามาของ Big Data และ Machine Learning จะทำให้ภาคธุรกิจทั้งธนาคาร ธุรกิจประกัน และธุรกิจด้านการลงทุนสามารถจับพฤติกรรมของผู้บริโภค และนำ FinTech มานำเสนอบริการที่สะดวก ตรงใจผู้บริโภคและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้โดดเด่นกว่าธุรกิจการเงินแบบดั้งเดิม และยังปลอดภัยมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยี Blockchain มาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ

นายสาห์รัชกล่าวอีกว่า สำหรับจุดเด่นของกองทุน TFINTECH คือ กองทุนหลักบริหารจัดการโดย BlackRock บริษัทจัดการกองทุนที่มีขนาดใหญ่ชั้นนำของโลก โดยชนิดหน่วยลงทุน I2 USD จะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการที่ค่อนข้างน่าสนใจกว่าชนิดหน่วยลงทุน D2 USD อีกทั้งกองทุนหลักจะเน้นลงทุนในธุรกิจการเงินที่ใช้ FinTech มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น ธุรกิจการชำระเงิน ธนาคารดิจิทัล สินเชื่อผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การลงทุนและตลาดหลักทรัพย์ ประกัน และซอฟต์แวร์ และ Outsourcing Solution เป็นต้น

โดยกองทุนหลักจะเน้นลงทุนหุ้นประมาณ 30 – 50 บริษัท แต่ละตัวมีน้ำหนักระหว่าง 1 – 5% โดยเปลี่ยนและปรับน้ำหนักการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ หากหุ้นที่ลงทุนขาดทุนเกิน 15% จะปรับน้ำหนักโดยการเพิ่มหรือ Cut Loss พร้อมทั้งหาโอกาสลงทุนในหุ้น IPO ที่มีรูปแบบการทำธุรกิจหรือมีความแข็งแกร่งในธุรกิจนั้นๆ อีกทั้งยังกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายประเทศอีกด้วย***

ส่วนตัวอย่างบริษัทที่กองทุนเข้าไปลงทุน เช่น Visa Inc. แพลตฟอร์มประมวลผลธุรกรรมทางการเงิน ผู้อยู่เบื้องหลังการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตและเครดิตทั่วโลก โดยมีปริมาณการชำระเงินผ่าน Visa กว่า 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เชื่อมโยงกับเครือข่ายร้านค้าชั้นนำกว่า 40 ล้านราย ใน 200 ประเทศทั่วโลก โดย Goldman Sachs คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัท Visa จะเติบโตเฉลี่ย 18% ในระหว่างปี 2654 – 2566 อีกบริษัทคือ Kaspi.kz “Super App” ที่ใหญ่ที่สุดในคาซัคสถาน ให้บริการชำระค่าบริการต่างๆ Online shopping และกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน โดยมีผู้ใช้งานแอคทีฟถึง 10 ล้านคนต่อเดือน จากประชากรคาซัคสถานที่มี 19 ล้านคน (ข้อมูล ณ มิถุนายน 2564)

พิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน TFINTECH ระหว่างวันที่ 21 – 29 กันยายน 2564 ตั้งแต่ 20 – 29.99 ล้านบาท จะได้รับทองคำหนัก 2 สลึง และยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 1 บาท (1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์)

ทั้งนี้ กองทุนเปิด TFINTECH อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม