ซีอีโอ “RML” ปัด “เคพีเอ็น” ทำแบ็คดอร์ฯ

RML ยัน KPNL ไม่ได้ทำแบ็คดอร์ แต่เป็นการร่วมธุรกิจกันมากกว่า พร้อมปรับเป้ารายได้ปีนี้เป็น 4,620 ล้านบาท หลังรับรู้รายได้จากทรัพย์สินที่ซื้อจาก KPNL ล็อตแรก 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาทในปีนี้กว่า 1,817 ล้านบาท

นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดเผยว่า การที่ RML เข้าลงทุนในทรัพย์สินของบริษัท เคพีเอ็น แลนด์ (KPNL) ทำให้บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ในปีนี้เป็น 4,620 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 2,866 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการ Diplomat 39 และ Diplomat สาธร เป็นเงิน 1,817 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งหมด 2,500 ล้านบาท ขณะที่ความร่วมมือระหว่าง RML และ KPNL ดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ใช่การทำแบ็คดอร์ลิสติ้ง (การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม) ของ KPNL

“สินทรัพย์ของ KPNL ที่ซื้อเข้ามานั้น มีโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งทำให้ RML สามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ และหลังจากโอนทรัพย์สินของ KPNL เข้ามาแล้ว ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จในปีนี้ จะทำให้หนี้สินต่อทุนของบริษัทอยู่ที่ 1.24 เท่า และการที่ KPNL ขายทรัพย์สินให้ RML ไม่ใช่แบ็คดอร์ลิสติ้งแน่นอน แต่เป็นการร่วมธุรกิจกันมากกว่า” นายเอเดรียนกล่าว

เป้าหมายรายได้ RML

ทั้งนี้ นายเอเดรียน ไม่ได้ตอบคำถามที่ว่า RML จะซื้อทรัพย์สินจาก KPNL เพิ่มเติมหรือไม่ พร้อมทั้งระบุว่า ตนเองไม่สามารถตอบแทนผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นๆได้เช่นกันว่า จะมีการขายหุ้นให้ KPNL เพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังจาก KPNL แปลงหุ้นเพิ่มทุน (PP) ที่ราคาหุ้นละ 1.80 บาท และเข้าถือหุ้นใหญ่สุดเป็นอันดับสองของ RML ในสัดส่วน 14.31% รองจากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง คือ JS ASSET ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 21.40%

“เมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 ต.ค.นี้แล้ว ทาง KPNL จะส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการใน RML จำนวน 2 คน และตัวแทนทั้งสองคนดังกล่าวจะไม่ใช่ผู้มีอำนาจควบคุมการดำเนินงาน โดยผู้บริหารชุดปัจจุบันของ RML ยังคงบริหารและควบคุมการดำเนินงานเหมือนเดิม”นายเอเดรียนกล่าว

สำหรับการเข้าซื้อทรัพย์ของ KPNL ในครั้งนี้ RML จะได้ทรัพย์สินรวม 4 รายการ ประกอบด้วย 1.โครงการ Diplomat 39 และ 2.โครงการ Diplomat สาธร ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วและมีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท โดยคาดว่า RML จะรับรู้รายได้จากยูนิตที่ขายแล้วรอโอนและยูนิตที่ยังเหลืออยู่เป็นมูลค่า 1,817 ล้านบาทในปีนี้ และรับรู้รายได้อีก 663 ล้านบาทในปีหน้า

3.โครงการ S19 ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ซอย 19 พื้นที่ 1 ไร่ 8 ตารางวา ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาและรีแบรนด์ มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2563 โดยล่าสุดมียอดขายแล้ว 20% และ4.โครงการ S28 ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ซอย 28 พื้นที่ 2 ไร่ 16.4 ตารางวา ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการ S28 ยอมรับว่ายังมีการคัดค้านจากชุมชนในบริเวณดังกล่าวอยู่ แต่มั่นใจว่าการพัฒนาจะเดินหน้าไปตามแผนที่วางไว้

ส่วนการจ่ายเงินชำระค่าทรัพย์สิน 4 รายการดังกล่าว ทาง RML จะจ่ายเป็นเงินสดงวดแรก 1,000 ล้านบาท สำหรับการเข้าซื้อโครงการ Diplomat 39 และ Diplomat ส่วนโครงการ S19 และS26 จะจ่ายเป็นเงินสด 500 ล้านบาท และอีก 1,074 ล้านบาท ชำระเป็นหุ้นเพิ่มทุน (PP)

นายเอเดรียน กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็นไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายคอนโดฯ 70% และรายได้จากค่าเช่า 30% โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่กำลังพัฒนา เช่น โครงการ Loft อโศก , Loft สาธร , Loft สีลม ,โครงการที่ร่วมลงทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ โครงการ SKV26 และโครงการสาธร 12 รวมถึงโครงการใหม่อีก 2 โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเข้าไปลงทุนลงโรมแรมและร้านอาหาหารด้วย ซึ่งจะมีทั้งลงทุนเองและซื้อกิจการ