“บิ๊ก KTC” ลั่นปีนี้กำไร 5 พันล. รุกปล่อยกู้ “นาโนฯ-พิโคไฟแนนซ์”

“ระเฑียร” ลั่น KTC กำไร 5,000 ล้านบาท เป็น “New normal” รุกปล่อยสินเชื่อ “นาโนไฟแนนซ์-พิโคไฟแนนซ์” หนุนรายได้-กำไรโตต่อเนื่อง

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 5,000 ล้านบาทบวกลบ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไร 3,304 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำกำไรได้ 2,515 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขกำไรที่ระดับ 5,000 ล้านบาทต่อปีนั้น จะเป็นกำไรปกติรูปแบบใหม่ (New Normal) ของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากกำไรไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท และไตรมาส 2 กำไรเพิ่มเป็น 1,300 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ปีนี้กำไร 5,000 ล้านบาทบวกลบ และเป็นกำไรของแท้ที่ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว โดยตัวเลขกำไร 5,000 ล้านบาทต่อปี จะเป็นกำไรที่เกิดขึ้นเป็นปกติ หรือเป็น “New normal” ของเรา”นายระเฑียรกล่าว

ระเฑียร ศรีมงคล

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างขออนุญาตจากธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในการดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์และพิโคไฟแนนซ์ เนื่องจากเป็นโอกาสและช่องทางที่จะสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทในระยะกลางและยาว ทั้งหากธนาคารกรุงไทยอนุมัติให้ดำเนินการ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการขออนุญาตจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน จากนั้นจะเริ่มดำเนินการได้ทันที เพราะบริษัทมีความพร้อมอยู่แล้ว

“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่อยู่ที่ปีหน้าว่าเราจะโตอย่างไรมากกว่า เพราะปีหน้าเป็นปีที่ยาก ซึ่งเราเองพยายามดูช่องว่างในตลาด และเริ่มตกผลึกแล้ว คือ การเข้าสู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์และพิโคไฟแนนซ์ที่จะเป็นช่องทางทำกำไรได้ แม้ว่าหลายเจ้าที่เข้าสู่ตลาดยังไม่มีใครกำไร และสถานการณ์เอ็นพีแอลก็น่าห่วง โดยเรามีโมเดลธุรกิจใหม่ตรงนี้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตอนนี้ และเราเชือมั่นว่าธุรกิจนี้จะขับเคลื่อนกำไรให้บริษัทในระยะกลางและระยะยาว”นายระเฑียรระบุ

นายระเฑียร กล่าวว่า การบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.2563 จะไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองฯสูงกว่าเกณฑ์ และแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกยอดใช้จ่ายของลูกค้าจะเติบโตเพียง 7.7% พอร์ตสินเชื่อลูกค้าบัตรเครดิตเติบโต 4.3% พอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโต 13.4% และจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเพียง 2% แต่กำไรของบริษัทเติบโต 65% ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ขณะที่พอร์ตลูกหนี้ในปัจจุบันมีคุณภาพที่สูง ซึ่ง ณ ไตรมาส 2 หนี้เสียลดลงเหลือ 1.08% จากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 1.12% ทำให้บริษัททำกำไรได้ดี