HoonSmart.com>>หุ้นโลกส่วนใหญ่รูดลง ดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงต่อกว่า 200 จุด สหรัฐเจอหั่นเป้าเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือ 5.7% จากเดิม 6% เงินยูโรลงแรงลดถือครอง ก่อนประชุมธนาคารกลางยุโรป คาดมีมติลดอัดฉีดเงินเข้าระบบ ซ้ำรอยเฟด นักวิเคราะห์เตือนเงินบาทอ่อน ต่างชาติไม่ชอบ เงินไหลออก บล.กสิกรไทยแนะ รอซื้อแถว 1,600 จุด บล.ทรีนีตี้เชียร์หุ้นส่งออกอาหาร-เกษตรแปรรูป ชอบ ASIAN, SUN, XO หุ้นไทยเด้ง 4 จุด ต่างชาติซื้อหนักกว่า 7 พันล้านบาท บิ๊กล็อต LHFG-F กว่า 4 พันล้านบาท
วันที่ 8 ก.ย. 2564 ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลง ทั้งยุโรป เอเชียยกเว้นญี่ปุ่นและดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงกว่า 200 จุด ส่วนหุ้นไทยดัชนีปิดที่ 1,640.45 จุด เพิ่มขึ้น 4 จุด คิดเป็น +0.24% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 89,924.67 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทอ่อนตัวปิดที่ 32.78 บาท/ดอลลาร์ จากเงินยูโรลงมาแรง ฉุดสกุลเงินอื่นๆ ลงมาเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลาดหุ้นไทยที่ดีดขึ้นแรงในช่วงท้ายตลาด ฝีมือนักลงทุนต่างชาติทุ่มซื้อเจ้าเดียวกว่า 7,512.83 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยทิ้ง 4,302.73 ล้านบาท สถาบันไทยขาย 2,589.03 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีรายการซื้อขายบิ๊กล็อตบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG-F) จำนวน 2,328,050,577 หุ้น มูลค่ารวม 4,190.49 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.80 บาทต่อหุ้น ใกล้เคียงกับราคา LHFG-F ในตลาดที่ 1.79 บาท ขณะที่ LHFG ปิดที่ 1.23 บาท โดย CTBC Bank Company Limited ซื้อหุ้นจากนางสาวเพียงใจ หาญพาณิชย์และนายไพโรจน์ ไพศาลศรีสมสุข รวม 10.99% ของทุนเรียกชำระแล้ว ทำให้ CTBC ถือหุ้นรวมท้ังสิ้น 46.61%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นปิดบวก 4 จุด มีแรงหนุนจากราคาหุ้น DELTA บวก 26 บาท ช่วยดัชนี 2 จุดเศษ และหุ้นกลุ่มส่งออกก็ปรับตัวขึ้นตามเงินบาทที่อ่อนค่าในระยะสั้น หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา
แนวโน้มตลาดวันที่ 9 ก.ย.คาดจะทรงตัวต่อเนื่อง เพื่อรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะทราบผลในช่วงเย็น โดยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,630-1,645 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าและสื่อสาร ได้แก่ ADVANC, BGRIM และ EP
บล.เอเชียเวลท์คาดว่า ECB จะประกาศลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ผ่านโครงการ PEPP หลังอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ ECB จะยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่องจนถึงปี 2567 ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังไม่ลดการซื้อพันธบัตรหรือคิวอีในเดือนก.ย.โดย โกลด์แมน แซคส์ลดเป้าการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯปี 2564 เหลือ 5.7% จากเดิมคาดไว้ 6%
ส่วนการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี และ 30 ปี กดดันหุ้นในกลุ่ม Defensive Stock และ Dividend Stock รวมทั้งเรื่องของ Valuation จากการคาดหมายผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2564 อ่อนแอ
บล.กสิกรไทยวิเคราะห์ว่า จีนประกาศมูลค่าส่งออกเดือนส.ค.โต 25.6% ดีกว่าคาดที่ 17.1% เป็นสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในประเทศดีขึ้น แนะนำ เน้น Reopening play และกลุ่ม Covid play
บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่กลับมามีสัญญาณอ่อนค่าและกลับมาเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดในเอเชียในช่วง 2 วันล่าสุด สอดคล้องกับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ที่ขายติดต่อกันมา 4 วันทำการและการปรับตัวของ ETF หุ้นไทยในต่างแดนที่เริ่มอ่อนแรง หากยังดำเนินต่อไปอาจกระทบต่อกระแสเงินไหลออกในตลาดหุ้นให้มีการขายทำกำไรออกมาในช่วงสั้นด้วยเช่นกัน
ส่วนผลกระทบด้าน Sentiment ต่อตัวหุ้นนั้น เงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้อาจทำให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไรในส่วนของหุ้นกลุ่มส่งออกอีกครั้ง ซึ่งทรีนีตี้ แนะนำให้โฟกัสไปยังกลุ่มสินค้าอาหาร เกษตรแปรรูปมากกว่า เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวของดัชนีภาคการผลิตทั่วโลกมากเหมือนกับกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่ม ได้แก่ ASIAN, SUN, XO
ติดตามข่าว หุ้นเด่นระหว่างวัน ผ่านช่องทาง Line OpenChat : https://line.me/ti/g2/wEbsUcMaP2oP45XhK3vYhQ