บล.คิงส์ฟอร์ดแนะระวังแรงขายทำกำไร ชูหุ้น EA-TU

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองดัชนีขึ้นต่อเนื่อง อัพไซด์จำกัด ระวังแรงขายทำกำไร หากดัชนีลงแนะตัดขาดทุนแถว 1,630 – 1,640 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ EA-TU

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ วางจุด Trailer Stop Loss ดัชนี SET ที่ 1,630 – 1,640 จุด หากยืนได้ดัชนียังไม่เสียโมเมนตัมขาขึ้น แต่ระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากปัจจุบันเทรดที่ Forward P/E 20.4 เท่า ส่งผลให้ Upside ดัชนีเริ่มน้อย แนะนำเก็งกำไร PTT, PTTEP, PTTGC / JMT, MFEC (+โมเมตัมทางเทคนิค)

สำหรับดัชนี SET วานนี้ +0.81% ปริมาณการซื้อขาย 1.01 แสนล้านบาท ต่างชาติซื้อ 3.3 พันล้านบาท สถาบันซื้อ 810 ล้านบาท. ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ +10.67% จากเงินบาทเริ่มอ่อนค่า, กลุ่มมีเดีย +1.04% รับประเด็นกลุ่ม VGI ร่วมพันธมิตรธุรกิจกับ JMART ภาพรวมดัชนีได้ปัจจัยหนุนหลักจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลบวกต่อแผนเปิดประเทศใน ต.ค. – ธ.ค. ส่วนปัจจัยการเมืองในสภา คาดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ หลังสถานการณ์ระบาดไวรัสเริ่มปรับดีขึ้น

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA+0.37%, S&P500+0.28%, Nasdaq +0.14% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +2.53% ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ,ธุรกิจบล็อกเชนปรับขึ้น หลัง Bit Coin ปรับขึ้น ส่วนรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ 340,000 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 354,000 ราย ตำสุดในรอบ 17 เดือน, คำสั่งซื้อภาคโรงงาน ก.ค.+0.40% สูงกว่าคาด +0.30% และยอดขาดดุลการค้าสหรัฐ ก.ค. -4.3% อยู่ที่ 7.01 หมื่นล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.31% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.80%, กลุ่มเดินทางและสันทนาการ +0.80% ,กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ +0.30% เช่นเดียวกับกลุ่ม Cyclical รับการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ EA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเฉลี่ย IAA Consensus 66.50 บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 2H64 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจแบตเตอรี่ รถโดยสารไฟฟ้า เรือไฟฟ้า โดยผู้บริหารคงเป้ารายได้ในปี 64 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%

สำหรับความคืบหน้าโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิต Phase 1 ได้ใน 3Q64 ส่วนโครงการรถโดยสารไฟฟ้า ปัจจุบันได้มีการประกอบสร็จแล้วกว่า 100 คัน และเริ่มทยอยส่งมอบไปแล้วในเดือน ส.ค.ส่วนโรงงานประกอบที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีความคืบหน้าประมาณ 90% หากแล้วเสร็จจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3 พันคันต่อปี โดยมีจุดเด่นเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้เวลาอัดประจุไม่นาน ส่วนโครงการเรือโดยสารไฟฟ้าจะมีการส่งมอบครบ 27 ลำ ตามแผนใน 3Q64 เช่นกัน

หุ้น TU (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย 24.30 บาท) กำไรสุทธิงวด 2Q64 โดดเด่นที่ 2,343 ล้านบาท +36.51% YoY, +29.95% QoQ เติบโตได้ดีจากแรงหนุนของยอดขายกลุ่มธุรกิจ Frozen & Chilled Seafood (+28.69%YoY) ที่ฟื้นตัวในสหรัฐฯ และยุโรปซึ่งร้านอาหารกลับมาเปิดได้ตามปกติ และยอดขายกลุ่มธุรกิจ Petcare & Value-added (+12.50%YoY)ที่ยังคงโมเมนตัมการเติบโตไว้ได้

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานอนาคตยังคงมีปัจจัยบวกจาก1.กลุ่มธุรกิจ Petcare & Value-added 2.จากแนวโน้มการฟื้นตัวการดำเนินงานของ Red Lobster และ 3.การลงทนในธุรกิจที่มีความน่าสนใจ เช่น Alternative Protein เบื้องต้น เราคาดกำไรสุทธิ ปี 64 และ 65 ที่ 7,478 ล้านบาท (+19.72%YoY) และ 7,782 ล้านบาท (+4.07%YoY) ตามลำดับ

ติดตามข่าว หุ้นเด่นระหว่างวัน ผ่านช่องทาง Line OpenChat : https://line.me/ti/g2/wEbsUcMaP2oP45XhK3vYhQ