HoonSmart.com>> “บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์” เผยเป้าเรียกเก็บครึ่งหลัง 1.02 หมื่นล้านบาท ชูกลยุทธ์ที่วางไว้ช่วงก่อนหน้า-จ่อปิดดีลซื้อขายสินทรัพย์ขนาดกลาง-ใหญ่อย่างละ 3-4 รายการ หนุนผลงานครึ่งหลังตามเป้า ส่วนการซื้อหนี้ครึ่งหลังมีมากกว่าขึ้น มีเจรจาอยู่ซื้อสินทรัพย์อยู่ 6.26 พันล้านบาท ยันแม้ปี 2564 ซื้อหนี้น้อย ไม่กระทบผลเรียกเก็บปี 2565 มีพอร์ตสินทรัพย์รวมอยู่ 2.6 แสนล้านบาท เตรียมตั้งบริษัท JV ไตรมาส 4/2564 นี้ ส่วนบริษัท โฮลดิ้งส์ขอศึกษาก่อน
นายรฐนนท์ ฟูเกียรติ ผู้จัดการกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทคาดว่าธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องจาก 6 เดือนแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยมีเป้าหมายผลการเรียกเก็บครึ่งหลังของปีนี้ที่ 10,283 ล้านบาท จากเป้าหมายรวมทั้งปีที่ 17,452 ล้านบาท ซึ่งครึ่งแรกของปีที่ผ่านมาทำได้ 41% ของเป้าหมายรวม หรือ 7,191 ล้านบาท
ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2564 คาดว่าผลการเรียกเก็บสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ 4,240 ล้านบาท และในไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 6,043 ล้านบาท เป็นไตรมาสสำคัญ ซึ่งเป้าหมายสูงกว่า 3 ไตรมาสก่อนหน้า แต่ด้วยกลยุทธ์ที่เริ่มทำในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มส่งผลทำให้บริษัทสามารถทำได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้บริษัทได้มีการเจรจาซื้อขายสินทรัพย์ขนาดกลางและใหญ่อยู่อย่างละประมาณ 3-4 รายการ คาดว่าจะรู้ผลในช่วงที่เหลือของปีนี้
อีกทั้งบริษัทยังมีกลยุทธ์ในการสร้างผลเรียกเก็บให้เติบโต โดยการผ่อนปรนเกณฑ์การประนอมหนี้ ด้วยการออกโปรโมชั่น หรือ แคมเปญต่างๆ อาทิ “โครงการ สุขใจได้บ้านคืน” และ “โครงการ BAM ช่วยฟื้นคืนธุรกิจ” ทำให้ผลการเรียกเก็บทำได้ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้โดยการผ่อนชำระ ยังคงเป้าหมายปี 2564 ที่ 3,500 ราย ปัจจุบันทำได้แล้ว 1,037 ราย
นอกจากนี้บริษัทจะพิจารณาคัดทรัพย์ออกมาประมูลเพิ่มเติม ในช่วงไตรมาส 4/2564 และในปี 2565 จะเริ่มนำแพลตฟอร์มการประมูลออนไลน์ของบริษัทเองออกมาใช้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงนักลงทุนให้มีการซื้อขายได้ง่ายยิ่งขึ้น
ขณะที่แนวโน้มการปล่อยสินทรัพย์ออกสู่ระบบของสถาบันการเงินในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะมีมากขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรก แต่ยังคงอยู่ในสภาวะที่ชะลอตัว ซึ่งบริษัทคาดว่าจะซื้อหนี้เข้ามบริหารมากขึ้น โดยยังคงเป้าหมายการซื้อสินทรัพย์อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ปัจจุบันได้มีการเจรจาซื้อสินทรัพย์อยู่ประมาณ 6,260 ล้านบาท ซึ่งยังคงกลยุทธ์ในการเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับราคา
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน โดยมีวงเงินรองรับเพื่อเสริมสภาพคล่องในระดับ 10,000 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารพาณิชย์อีก 2 แห่ง เพื่อพิจารณาให้วงเงินเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 2.09 เท่า
“ในปี 2564 การซื้อหนี้ของเราอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากปริมาณหนี้ที่ออกมาค่อนข้างน้อย และมีการยกเลิกขายจากสถาบันการเงินค่อนข้างมาก ถึงแม้เราจะซื้อหนี้ได้น้อย แต่เราอยากให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าผลการเรียกเก็บในปี 2565 จะไม่มีผลกระทบ เนื่องจากเรามีหนี้ทั้ง NPLs และNPAs ในพอร์ตรวมกว่า 260,000 ล้านบาท อีกทั้งเราคาดว่าในปี 2565 เป็นต้นไป จะเริ่มมีการนำเอาสินทรัพย์ออกมามากขึ้น” นายรฐนนท์ กล่าว
ส่วนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ปัจจุบันได้มีข้อสรุปของรูปแบบธุรกิจเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการลงทุนทุกเมื่อ โดยยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รอดูความชัดเจนเกี่ยวกับกฏเกณฑ์และกฏระเบียบต่างๆให้เรียบร้อย คาดว่าจะมีควาดชัเเจนภายในไตรมาส 4/2564 นี้ ส่วนการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ ก็เป็นอีกแผนในการเติบโตระยะยาว โดยอยู่ระหว่างการศึกษาให้ดีก่อน เพื่อผลโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น
กล่าวเพิ่มเติมว่า การปิดกรมบังคับคดี ในช่วงไตรมาส 2/2564 ก็มีผลกระทบบ้าง แต่รายได้ที่มาจากกรมบังคับคดีขายเข้าสู่ตลาด เป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของรายได้รวมบริษัท ซึ่งบริษัทมีช่องทางที่จะเก็บรายได้จากช่องทางอื่นๆอีกมาก อีกทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะร่วมจัดงานประมูลกับกรมบังคับคดี คาดว่าจะสามารถชดเชยส่วนที่หายไปได้
ติดตามข่าว หุ้นเด่นระหว่างวัน ผ่านช่องทาง Line OpenChat : https://line.me/ti/g2/wEbsUcMaP2oP45XhK3vYhQ