กกร.มองเศรษฐกิจไทยปี 64 ดีขึ้น เป็น-0.5 ถึง 1.0% หลัง”คลายล็อกดาวน์-ติดเชื้อน้อยลง”

HoonSmart.com>>กกร.ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 ดีขึ้นเป็น -0.5 ถึง 1.0% ส่งออกโต 12.0-14.0% ผลจากรัฐคลายล็อกดาวน์ คนติดเชื้อน้อยลง การกระจายวัคซีนดีขึ้น และส่งออกขยายตัวสูง แนะรัฐตั้งเป้าเศรษฐกิจไทยปี65 ให้ท้าทายเป็นโต 6-8% หนุนเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70-80% ส่งผลให้เงินเข้าระบบ 7 แสนล้านถึง 1.5 ล้านล้านบาท

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานที่ประชุม คณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน ได้แก่ สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร. ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ดีขึ้นอยู่ในกรอบ -0.5 ถึง 1.0% จากการประชุมครั้งก่อนที่คาดว่า จะอยู่ในช่วง -1.5 ถึง 0.0% ส่วนการส่งออกปรับเพิ่มเป็นขยายตัว 12.0 ถึง 14.0% จากเดิมที่ 10.0 ถึง 12.0% เนื่องจากแผนการจัดหาวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรมากขึ้น แนวโน้มการติดเชื้อที่ผ่านจุดสูงสุดและเริ่มผ่อนคลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้มีการคลายล็อกกิจกรรมบางประเภท รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีทำให้การส่งออกของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ภาครัฐควรกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ท้าทายขึ้นเป็น 6-8% ซึ่งมีความเป็นไปได้ในภาวะที่คนไทยกว่า 50% ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว โดยภาครัฐจำเป็นต้องเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจาก 60% เป็น 70-80% ซึ่งจะทำให้มีเงินเข้ามาเพิ่มเติมอีกราว 7 แสนล้านบาท – 1.5 ล้านล้านบาท เน้นสนับสนุนการจ้างงาน และใช้ในมาตรการที่มี Multiplier กับเศรษฐกิจสูง เช่น มาตรการที่รัฐช่วยออกค่าใช้จ่าย (co-payment) หรือมาตรการค้ำประกันสินเชื่อที่สูงขึ้น

“กกร.เห็นว่า การที่ภาครัฐประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2565 เติบโตได้ในช่วง 3-5% เป็นระดับที่ต่ำเกินไป และทำให้ระดับกิจกรรมเศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังอยู่ต่ำกว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากยังบอบช้ำดังนั้น เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจฟื้นตัวกลับมายืนได้ด้วยตัวเองโดยเร็ว ภาครัฐควรกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ท้าทายขึ้น” นายผยงกล่าว

สำหรับข้อเสนอของ กกร.ในเดือนนี้ ได้แก่
1.รัฐบาลต้องทำให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสื่อสารให้ชัดเจน ไม่ให้สับสน และโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเห็นด้วยกับการคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาล และไม่ควรมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์อีก เพราะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจค่อนข้างมาก แต่ควรใช้มาตรการ Bubble & Seal ร่วมกับการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit เชิงรุก

2. รัฐบาลควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมาตรการระยะสั้น เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เช่น โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน และกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการระยะยาว เพื่อเสริมสร้างและรักษาฐานการผลิต รับมือสงครามทางการค้า (Trade war) ผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ๆ (New s-Curve)

3. ขอให้ภาครัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายชุดตรวจ antigen test kit ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงช่วยเหลือในเรื่องของมาตรการการจ่ายภาษีเพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ
4.ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือปัญหาค่าระวางเรือที่มีราคาสูง โดยให้มีมาตรการลดค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม
5.ขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่อง เซมิคอนดักเตอร์ชิป (Semiconductor chips)