บัวหลวง เชียร์ซื้อ STARK ชี้เป้า 5.40 บาท

HoonSmart.com>>บล.บัวหลวง ชี้เป้า STARK 5.40 บาท เชียร์ “ซื้อ” มอง 2 จุดแข็ง ธุรกิจที่ไม่มีผลกระทบต่อวิกฤต และธุรกิจเติบโตสูงอย่างมากในอนาคต ประเมินกำไรหลักปี 2021 -2023 ที่ 1.8 – 2.3 และ 2.9 พันล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ย 27% ต่อปี

นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และปัจจัยทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จัดทำบทวิเคราะห์บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) โดยแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายพื้นฐาน  5.40 บาท โดยมองจุดแข็ง ดังนี้

1. STARK เป็นบริษัทที่จุดแข็ง 2 ด้าน คือ 1) ธุรกิจที่ไม่มีผลกระทบต่อวิกฤต (Defensive business)  ด้วยอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน-ไฟฟ้า ที่สาคัญ คือสินค้าสายไฟฟ้าแรงสูง Extra High Voltage (230kV ขึ้นไป) มีคู่แข่งน้อยราย 2) ธุรกิจเติบโตสูงอย่างมากในอนาคต (Aggressive growth outlook)  การเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า (แทนที่น้ำมัน) การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า และระบบสายส่งใหม่แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น STARK มีโรงงานในเวียดนามที่กาลังการผลิตส่วนที่เหลืออีกมา ซึ่งจะหนุนให้บริษัทเกาะกระแสการเติบโตไปกับแผน PDP ใหม่ของเวียดนาม ที่จะเห็นการสร้างโรงไฟฟ้า LNG เพิ่มขึ้นอีกราว 20GW ภายใน 10 ปี

เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท

Defensive business: รากฐานธุรกิจไฟฟ้า ที่มีความมั่นคง

STARK เป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าแรงสูงรายใหญ่ของประเทศ โดยที่สาย High Voltage (115kV-230kV) และ Extra High Voltage (230kV ขึ้นไป) เป็นสินค้าของบริษัท ซึ่งคู่แข่งเข้าสู่ตลาดนี้ได้ยาก (high barriers to entry) เพราะการขายสายไฟฟ้าแรงสูงมาก ให้กับหน่วยงานการไฟฟ้า ทั้งในและต่างประเทศ จำเป็นต้องมี Track record และได้ใบรับรอง ซึ่งใช่เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ในการได้มา จึงทำให้เป็นตลาดที่คู่แข่งน้อยราย

Aggressive growth outlook: โตไปกับ Demand ไฟฟ้าที่ก้าว

กระโดดจากการใช้ EV : STARK จะเติบโตควบคู่ไปกับ Mega trend ของโลกนี้ นั่นคือ EV ปัจจุบันประเทศไทย อยู่ใน Stage เริ่มต้นของการใช้ EV  เรามองว่าภาครัฐน่าจะมีการประกาศแผนเพื่อสนับสนุน EV โดยคาดจะเพิ่มสัดส่วน EV ให้เป็น 30% ภายใน 2025 และ 100% ภายใน 2035

ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนให้ถึงเป้าหมายแรกที่ 30% นั้น เราประเมินว่าจะต้องมีการเพิ่มโรงไฟฟ้าอีก 2GW ซึ่งเทียบเท่าโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ IPP อีก 2-3 แห่ง และยังไม่รวมถึงการลงทุนเพื่อเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าในเมืองที่ต้องรองรับกระแสไฟฟ้าในการชาร์จในช่วงของ Peak demand ด้วยมีกาลังการผลิตเหลือเผือที่โรงงานเวียดนาม… STARK ถือหุ้น 100% ใน DDVINA บริษัทผลิตสายไฟฟ้าใน โอจิมิน เวียดนาม ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตสายไฟฟ้าประเภท Low to High Voltage และเมื่อรวมกับศักยภาพของโรงงานของ STARK ในประเทศไทย จะช่วยให้โรงงานในเวียดนาม สามารถผลิตสายฟ้าประเภท Extra High Voltage (230kV ขึ้นไป) ได้ ซึ่งจะช่วยให้มีศักยภาพในการ Supply สายไฟฟ้าแรงสูงตาม PDP ใหม่ของเวียดนาม และมีอัตราการทากาไรที่สูงขึ้น

พร้อมรองรับแผน PDP ใหม่ของเวียดนาม

ร่าง PDP8 ของเวียดนาม เปิดโอกาสให้สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มทั้งพลังงานหมุนเวียน (ลม เพิ่มจาก 0.6GW เป็น 18GW ในปี 2030) และพลังงาน LNG (เพิ่มจาก 7GW เป็น 27GW ในปี 2030) ซึ่งการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าจานวนมากในเวียดนาม แน่นอนว่าจะต้องมีการลงทุนสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงใกล้เคียงกัน

Recommendation & Valuation

เราประเมินกำไรหลักปี 2021 -2023 ที่ 1.8 – 2.3 และ 2.9 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 27%/ปี (CAGR 2021-23) ปัจจุบันเรายังใช้สมมุติฐานที่อนุรักษ์นิยมกว่าเป้าหมายของบริษัท โดยที่เราประเมินรายได้ปี 2022 ต่ากว่าที่บริษัทมองราว 6% และใช้สมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวเทียบกับช่วง 1H21 ที่ราว 19.5 20.0%

ขณะที่ Backlog ในปัจจุบันมีสัดส่วนสินค้า High margin มากกว่าที่บริษัทผลิตได้ในช่วง 1H21  ประเมินราคาเป้าหมายที่ 5.40 บาท (อิง PEG 1 เท่า บนอัตราการเติบโตเฉลี่ย 27%)

ความเสี่ยง: ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต/อัตราแลกเปลี่ยน/การพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่/การแข่งขัน เป็นต้น