TPIPP มั่นใจปีนี้ขายไฟ 1.18 หมื่นลบ. ยัน ADDER หมดอายุไม่กระทบ

HoonSmart.com>> “ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์” เผยปี 64 รายได้ขายไฟฟ้าแตะ 1.18 หมื่นล้านบาท คาดใช้กำลังการผลิตรวม 85% ของ 440 เมกะวัตต์ ยันไม่กระทบสัญญา ADDER 3 โครงการทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 65  วางแผนเพิ่มรายได้ เตรียมประมูลโรงไฟฟ้าขยะต่อเนื่อง ตั้งเป้าอีกไม่ต่ำกว่า 120 เมกะวัตต์

ภัคพล เลี่ยวไพรัตน์

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายไฟฟ้าปี 2564 อยู่ที่ 11,809 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้หลักมีสัดส่วน 96% ของรายได้รวม คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 85% ของการกำลังการผลิตทั้งหมด  440 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็นการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้า  99% ของกำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ และอีก 260 เมกะวัตต์ขายให้กับ บริษัท ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) คาดว่าจะใช้อัตรากำลังการผลิตมากกว่า 69% สูงกว่า 2 ปีย้อนหลัง (2562-2563) เฉลี่ยอยู่ที่ 40%

ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งแรกที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,689 ล้านบาท เนื่องจากได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ B13-B14-B15 เสร็จแล้ว และมีรายได้เพิ่มเติมจากการขายเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ให้กับ TPIPL เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบการต้นทุนการผลิต RDF ก็ถูกลง ทำให้ผลประกอบการดีขึ้น

ขณะที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าที่มีส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (ADDER) จะหมดอายุในอนาคตอยู่ 3 โครงการ ได้แก่ TG3 หมดอายุในเดือน ม.ค. และ TG5 หมดอายุในเดือน ส.ค. 2565 กำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ และ 55 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ส่วนอีก 1 โครงการ TG4+TG6 กำลังการผลิตรวม 90 เมกะวัตต์ จะหมดอายุในเดือน เม.ย.2568

บริษัทฯคาดว่า ADDER ที่จะหมดอายุไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2565 คาดว่า โครงการ TG7 จะเริ่มขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้า ซึ่งได้รับค่าไฟสูงกว่าขายให้กับ TPIPL มีรายได้เพิ่มเข้ามาปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท ประกอบการการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้โรงไฟฟ้ามีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ดีขึ้น และมีรายได้จากการขายเชื้อเพลิงขยะ เพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้บริษัทมีแผนรองรับรายได้ที่จะหายไป โดยการเพิ่มโรงไฟฟ้าใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ จ.สงขลา กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ และที่นครราชสีมา กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาสัญญาจากอัยการ คาดว่าจะมีการลงนามได้ภายในไตรมาส 3 นี้ และคาดว่าใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2566 และยังอยู่ระหว่างการประมูลอีก 1 โครงการ โดยมีแผนระยะยาวที่จะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขยะต่อเนื่อง ตั้งเป้าจะต้องการกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 120 เมกะวัตต์

นายภัคพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่  27 ส.ค.2564 นี้ อยากให้นักลงทุนรอติดตามข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ถึงเรื่องการอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาล ซึ่งบริษัทฯยังคงอัตราการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ แต่ก็ต้องดูเรื่องของกระแสเงินสดด้วย เนื่องจากในอนาคตมีแผนการลงทุนอยู่หลายโครงการ

ด้านผลงานในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ TPIPP  มีกำไรสุทธิ 2,249  ล้านบาท  คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.268 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกไรสุทธิ 2,138.80 ล้านบาทหรือ 0.255 บาทต่อหุ้น  ทั้งนี้  จากผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.20 บาท