ตั้งคำถาม ทำไม “อาร์นี” จากฟินแลนด์บินมาขายบิทคอยน์ในไทย ??

ตั้งคำถาม ทำไม ?? อาร์นี ต้องบินมาขายบิทคอยน์ในประเทศไทย ปม “วงแตก” “ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ- ปริญญา-อาร์นี

ด้าน “ปริญญา จารวิจิต” ยอมตาย สู้ด้วยความถูกต้อง ยอมรับห่วงอิทธิพล เชื่อ “อาร์นี” เข้าใจผิดเงินบิทคอยน์ในมือปริญญา หลังขายออกไปในตลาดต่างประเทศและนำเงินบิทคอยน์ไปลงทุน

คดีฉ้อโกงบิทคอยน์ มูลค่า 797 ล้านบาท ของนักลงทุนชาวฟินแลนด์ MR.Aarni Otava Saarimaa หรือ อาร์นี กลายเป็นคดีดังระดับประเทศ ที่มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากทุกระดับ นักการเมือง, นักธุรกิจ, ตลาดหุ้น , ผู้กว้างขวางทั้งทหาร – ตำรวจ เข้ามาเกี่ยวข้องกับรูปคดี ซึ่งคดีนี้ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจของประเทศ

รูปคดีขมวดปมมากขึ้น ทั้งฟากของ “ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ผู้กว้างขวางในตลาดหุ้น ที่เอาตัวเข้าไปพัวพัน พยายามดิ้นแก้ต่างข้อกล่าวหา “ฉ้อโกง” หุ้น DNA & หุ้นแอพเพิลเวลท์ มูลค่า 265 ล้านบาท ความจากปากของ “ประสิทธิ์” จะออกมาในวันจันทร์ที่ 20 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมดุสิตธานี

ฟากนายธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองมนัส อีกตัวละคนที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ถือหุ้น DNA ที่รับโอนหุ้นไปจากนายปริญญา จารวิจิต ในฐานะ “คนกลาง” ที่ถูกเชิญเข้ามาจากฝั่งของ “ประสิทธิ์-อาร์นี” ช่วงที่ยังรักกันดี ซึ่งผู้กองคนดัง มีกำหนดการแถลงข่าว 28 ส.ค.นี้

ผู้เกี่ยวข้องในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน คดีบิทคอยน์ 797 ล้านบาท ที่ถูกหมายเรียกรวม 5 คน จะทยอยเข้ารายงานตัวและให้ปากคำภายในวันที 29 ส.ค.นี้ ประกอบด้วย นายปริญญา จารวิจิตร , นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต , นายธนสิทธิ์ จารวิจิต, นายชาคริส อาห์มัด เจ้าของบริษัท เอ็กซ์เพย์ และนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ

ปริญญา จารวิจิต
ปริญญา จารวิจิต

ขณะที่นายปริญญา จารวิจิต ผู้ต้องหาหมายจับ ไม่มีโอกาสแถลงการณ์ใด ๆ นอกจากเขียนคำแถลงการณ์ข้อเท็จจริง เอกสาร หลักฐาน ทั้งหมด ออกมาชี้แจงผ่านสื่อหรือคนใกล้ตัว โดยเจ้าตัว เปิดเผยกับ www.hoonsmart.com ว่า ” ผมบริสุทธิ์ใจ แม้จะห่วงอิทธิพล แต่ยอมตายขอสู้ด้วยหลักฐานและความถูกต้อง เพิ่งมีเวลาว่างจากงาน หลังจากนี้จะเขียนเรื่องราวทั้งหมดเผยแพร่ออกมาประมาณสัปดาห์หน้า

ปริญญา บอกว่า ที่ผ่านมา ทำหนังสือผ่านทนายความ และพยายามติดต่อกับตำรวจ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งก่อนและหลังเดินทางมาทำงานที่ต่างประเทศ หลังจากที่เดินทางมาถึงต่างประเทศวันเดียวกับที่ตำรวจจับน้องชาย เรื่องราวทั้งหมดที่นายอาร์นี กล่าวหา น่าจะเป็นความเข้าใจผิดของนายอาร์นีเอง และจุดที่ทำให้ “วงแตก” เขาบอกว่า “เละ” เพราะ “ประสิทธิ์”

ปริญญา ในวัย 35 ปี จบการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โลดแล่นอยู่ในแวดวงการลงทุนเทคโนโลยี การเงินดิจิตอล เป็นทั้งผู้ลงทุน และผู้สร้างแพลทฟอร์มใหม่ ๆ สตาร์ทอัพ บล็อกเชน ให้กับ “ประสิทธิ์” ด้วยความที่ “ปริญญา ” มีความรู้ด้านนี้ จะทำหน้าที่หน้าบ้าน โดยเป็นผู้พรีเซนต์ สร้างบล็อกเชน แพลทฟอร์มใหม่ ๆ เข้ามาป้อน “อาร์นี-ประสิทธิ์ ” โดยมี “ประสิทธิ์” เป็นผู้บริหาร จัดการ ดำเนินการหลังบ้าน “อาร์นี” เจ้าของเงินลงทุน

“ปริญญา” บอกว่า บางช่วงของการลงทุน “อาร์นี” นำบิทคอยน์ ประมาณ 1,000 กว่าบิทคอยน์ ไปขายที่ฮ่องกง-สิงค์โปร์-ดูไบ ได้รับเงินไปเรียบร้อย ซึ่งที่ตลาดต่างประเทศ ราคาจะได้น้อยกว่าการขายในเมืองไทย ส่วน “ปริญญา” จะคอยซื้อบิทคอยน์ในต่างประเทศ เพื่อมาขายในเมืองไทย ได้ราคาสูงกว่า 15-20 % ทำให้อาร์นี่ เข้าใจผิดคิดว่าบิทคอยน์ของ “อาร์นี” อยู่กับปริญญา

ส่วนเส้นทางโอนเงินในครอบครัวพี่-น้อง นั้นนายปริญญา ยอมรับว่า เป็นเงินจากการขายฝากที่ดินซึ่งทำธุรกิจขายฝากของครอบครัว

ปมต้นเหตุทั้งหมดเริ่มต้นจาก “อาร์นี่” เขาเป็นใคร ??? ทำไมใช้ไทยเป็นแหล่งแปลงบิทคอยน์ จากดาร์ก้อน คอยน์ สู่ DNA

MR.Aarni Otava Saarimaa หรือ อาร์นี หนุ่มน้อยหมื่นล้าน ชาวฟินแลนด์ อายุ 23 ปี ที่มีชื่อเรียกขานในหมู่นักค้าเงินดิจิทัลว่า ” คิงส์ ออฟ บิทคอยน์” เจ้าตัวมีเหรียญบิทคอยน์ครอบครองในกระเป๋าเงินดิจิตอล หรือ Wallet จำนวนมากนับเป็นเงินไทยหลายหมื่นล้านบาท

เหรียญเหล่านั้นมาจากไหน ??? อาร์นีและ ชนนิกานต์ แก้วกาสี หรือ “แตงโม” ภรรยาคนไทย เคยเล่าว่า ได้มาจากการขุดบิทคอยน์ ซึ่งอาร์นี เป็นคนที่ชอบเล่นเกมส์ตั้งแต่สมัยอายุ 13-14 ปี สะสมเหรียญมาเรื่อย ๆ กระทั่งเหรียญมีมูลค่า เมื่ออาร์นี มีภรรยาเป็นคนไทย ทุกอย่างจึงเริ่มต้นที่นี่

คำถามต่อมา ทำไม ??? อาร์นี ไม่ลงทุนในในประเทศฟินแลนด์บ้านเกิด ประเด็นนี้น่าคิด แต่ก็มีคำตอบจากอาร์นี ที่บอกว่า การลงทุนในฟินแลนด์ เสียภาษีสูงถึง 49.5 % ทำให้เขาย้ายบิทคอยน์มาแปลงเป็นเงินลงทุนในประเทศไทย โดยมี “แตงโม”ภรรยา เป็นผู้ช่วยดูแลเอกสารทางการเงิน ยังไม่นับรวมตำรวจมากอิทธิพลผู้กว้างขวางย่านฝั่งธน ที่เป็น “คนกลาง” คอยช่วยเหลือ 2 สามีภรรยา

การลงทุนของ “อาร์นี” จากเงินดิจิตอล ในทางกฎหมายไม่สามารถชำระหนี้ได้ซึ่งประเทศไทยไม่รองรับ แต่ “อาร์นี” ได้แปลงเงินบิทคอยน์ เป็นเงินบาท โดยเข้าลงทุนต่าง ๆ ตั้งแต่ซื้อบริษัท เอ็กซ์เพย์ จากนาย ชาคริส อาร์มัด , ลงทุน ICO ดราก้อนคอยน์ , ลงทุนหุ้น DNA และแผนลงทุนอีกมากมายตามคำเชิญชวนของผู้กว้างขวางในตลาดทุนไทย ว่ากันว่า การออกไปโรดโชว์ที่มาเก๊า ฮ่องกง ในการขนนักลงทุน นักข่าว นักวิเคราะห์ ช่วงเดือนตุลาคม ใช้เงินไม่น้อยราว 100 ล้านบาท

“ปมหักล้าง ปริญญา น่าคิดว่าจะไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล” หรือไม่ ???? ตัวละครกำลังเปิดหน้าออกมา และเรื่องราวระหว่าง “ประสิทธิ์-ปริญญา-อาร์นี” น่าจะเป็นบทสรุปของ “ความโลภ”