บริษัทญี่ปุ่นจัดเรทติ้ง TU ที่ A- เท่าปท. รายได้มั่นคง ต้นทุนผลิตต่ำ โตยั่งยืน

HoonSmart.com>>บริษัทจัดอันดับเครดิตของญี่ปุ่น Japan Credit Rating Agency (JCR) ประกาศอันดับความน่าเชื่อถือ “ไทยยูเนี่ยน” อยู่ที่อันดับ A- เท่ากับอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย จุดแข็งกระจายธุรกิจไปทั่วโลก โครงสร้างทางธุรกิจเข้มแข็ง ลดต้นทุนการผลิตได้มีประสิทธิภาพ หนุนยอดขายเติบโต เพิ่มความสามารถทำกำไร

บริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. หรือ JCR ได้ประกาศว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) หนึ่งในผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กร ตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศที่ A- โดยแนวโน้ม “คงที่” จากการที่บริษัทมีธุรกิจกระจายตัวทั่วโลกและมีความมั่นคงทางรายได้ โดยอันดับเครติดองค์กร A- ที่บริษัทได้รับนั้นเป็นระดับเดียวกันกับที่ประเทศไทยได้รับ

JCR ได้รายงานว่า TU มีโครงสร้างทางธุรกิจที่เข้มแข็ง มีการดำเนินงานทั้งในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และยุโรป บริษัทได้มีการควบรวมกิจการแบรนด์ต่างๆ เป็นที่รู้จักทั่วโลกมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนในการผลิต จากความได้เปรียบในด้านต้นทุนที่ผลิตสินค้าในปริมาณมาก และยังมีการลงทุนในการใช้เครื่องจักรกลเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

นาย ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ A- ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับที่ประเทศไทยได้รับ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความท้าทาย และสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วโลก จึงยังคงมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าที่ดีต่อสุขภาพและถูกหลักโภชนาการให้กับผู้บริโภคทั่วโลกต่อไป

ธุรกิจของบริษัทที่มีอยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก ทำให้สามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งแรกของปี 2564 สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท มีส่วนแบ่งยอดขายอยู่ที่ 44% รองลงมาคือยุโรป 29% ประเทศไทย 11% และตลาดอื่นๆ 16%

ลูโดวิค การ์นิเยร์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินกลุ่มบริษัท กล่าวถึงวินัยทางการเงินซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของไทยยูเนี่ยนว่า  ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในเรื่องของความสามารถในการทำกำไร ผลการดำเนินงาน และการบริหารจัดหาแหล่งเงินทุนให้มีความหลากหลาย  มีแผนการเงินที่ชัดเจนในการพัฒนาสถานะทางการเงินของบริษัทในภาพรวม ซึ่งรวมถึงสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อทุนและสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย  จึงมีความยินดีที่ทาง JCR ได้ประกาศให้อันดับเครดิตของไทยยูเนี่ยนที่ A- ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเป็นที่สนใจของนักลงทุนในวงกว้างมากขึ้น

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้ออกสินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan) ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่น รวมจำนวน 12,000 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี โดยการขอสินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนได้รับการตอบรับมากกว่าจำนวนที่ต้องการมากกว่าสองเท่า ความสำเร็จนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงก้าวสำคัญของบริษัทในการตั้งเป้าสู่ Blue Finance หรือการบริหารจัดการการเงินเพื่อโครงการและการทำงานในการอนุรักษ์มหาสมุทร

นกจากนี้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้ออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Linked Bond) ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มูลค่า 5,000 ล้านบาท ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.47% ต่อปี ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน

“หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนมียอดจองซื้อมากกว่า 8,900 ล้านบาทหรือ มากกว่า 2.23 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัททั้งในด้านความแข็งแกร่งของธุรกิจและความเป็นผู้นำในด้านเศรษฐกิจสีฟ้า และด้วยจำนวนยอดจองซื้อที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทพิจารณาเพิ่มการออกหุ้นกู้จากที่วางแผนไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ เรายังได้นำนวัตกรรมด้านการเงินสีฟ้าเข้ามาใช้ โดยหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนยังเป็นครั้งแรกของโลกมีลักษณะทางการเงินแบบ Step up/ Step down ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการดำเนินงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมีการเชื่อมโยงอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้กับเป้าหมายด้านความยั่งยืน” ธีรพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย