HoonSmart.com>>PRINC ไตรมาส 2 มีรายได้ 921.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% ขาดทุนสุทธิ 170.8 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 7% ส่วนความสามารถทำกำไรกระเตื้อง EBITDA พลิกเป็นบวก ส่งผลครึ่งแรกของปี 64 รายได้รวม 1,644 ล้านบาท โต 30%
นายธานี มณีนุตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 64 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้มีจำนวน 921.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 76% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่าธุรกิจโรงพยาบาล มีรายได้จำนวน 845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทุกโรงพยาบาลในเครือฯมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ปรับแผนในการให้บริการเน้นตรวจคัดกรองและรักษาโควิด-19 ซึ่งช่วยในการควบคุมโรคระบาดและยังเป็นการแบ่งเบาภาระภาครัฐ
นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากการขยายฐานผู้ใช้บริการจากการเปิดโรงพยาบาลใหม่ อีก 2 แห่งใน 2 จังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี โรงพยบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ และการขยายสาขาคลินิกเวชกรรมใกล้บ้านใกล้ใจจากปัจจุบัน 13 สาขาในพื้นที่กรุงเทพ ยังคงเป้าขยายเป็น 20 สาขาภายในปลายปีนี้(2564) ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 76.9 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งได้รับผลกระทบทางตรงจากสถานการณ์โควิด-19
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2564 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวม 1,644.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ แต่ถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเป็นไปตามการคาดการณ์ของบริษัทฯ เพราะปกติการลงทุนในกิจการประเภทโรงพยาบาลจะต้องใช้ระยะเวลา 5 ปี ในการคืนทุนหรือในปี 2565 ประกอบกับโรงพยาบาลเร่งลงทุนขยายพื้นที่รองรับผู้ป่วยเพิ่มเติม ขยายเตียงผู้ป่วยวิกฤติในการรองรับผู้ป่วยโดยเฉพาะในสถานการณ์การระบาด และยังคงดำเนินการขยายเครือข่ายโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงแผนขยายโรงพยาบาลให้ได้ 20 แห่งภายในปี 2566 โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
นอกจากนี้ผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2 ของปี 2564 จำนวน 170.8 ล้านบาทนั้น ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 7% เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และบริษัทย่อยมีรายการขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์จำนวน 43.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดเพียงครั้งเดียว หากไม่นับรวมรายการดังกล่าวจะมีผลขาดทุนในงวด จำนวน 127.5 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 56 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลงถึง 30%
ส่วนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยพิจารณาจากกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา(EBITDA) ในงวดไตรมาส 2 นี้ พลิกมีกำไร 25.4 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 20.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 222.6%
“ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นไม่ได้เหนือความคาดหมาย ผลประกอบการของบริษัทฯมีแนวโน้มที่ดี ภายหลังบริษัทฯสามารถบริหารจัดการเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในช่วงไตรมาส 4 นี้ คาดมีวัคซีนทางเลือกเข้ามาให้บริการและยังคงให้บริการตรวจโควิด-19 ต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายพื้นที่ให้บริการ ทั้ง Hospitel รพ.สนาม หรือให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่แยกกักตัวที่บ้าน และขยายโรงพยาบาลและคลินิกตามแผน นอกจากนี้ได้ดำเนินการขยายคลินิกแพทย์แผนไทยประยุกต์ วิวัฏฏะคลินิก ซึ่งปัจจุบัน มีการผลิตยาฟ้าทะลายโจร และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยอื่นๆเพื่อใช้ในการดูแลรักษาคนไข้โควิด-19 ทั้งในคลินิกและรพ.ในเครือฯ ทำให้บริษัทฯคาดว่าผลประกอบการในครึ่งหลังของปี 2564 จะดีขึ้น และคาดว่ารายได้มีโอกาสจะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายธานีกล่าว