PIMO จ่อเพิ่มธุรกิจใหม่ ยันรายได้ปี 64 โกย 1 พันลบ.

HoonSmart.com>> “ไพโอเนียร์ มอเตอร์” เผยศึกษาธุรกิจใหม่ กำไรดี  มั่นใจรายได้ปีนี้ 1 พันล้านบาท ออเดอร์เข้าเป้าแล้ว  จ่อเพิ่มกำลังการผลิตมอเตอร์ AC รับออเดอร์ครึ่งปีหลัง  1.2 แสนลูกต่อเดือน ลุ้นผลพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้า จาก สวทช. ในไตรมาส 3 หรือ ต.ค.2564 นี้  ราคาวัตถุดิบเพิ่มกระทบเล็กน้อยได้เงินดอลลาร์แข็งช่วย

นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) เปิดเผยถึงกรณีการเสนอขายหุ้นให้กับบุคคลในวงจำกัดจำนวน 60 ล้านหุ้น ปัจจุบันกำลังพิจารณานำไปลงทุนธุรกิจใหม่ ที่มีแนวโน้มกำไรดี เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง โดยอาจจะเป็นการร่วมทุนกับผู้ที่ความชำนาญของธุรกิจนั้นๆ

ส่วนภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2564 คาดว่าทุกผลิตภัณฑ์ยังเติบโตได้ตามแผน โดยมีเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 1,000 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก ทำได้จำนวน  449.91 ล้านบาท เติบโต 32.5% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เป้าหมายรายได้ปีนี้จริงๆแล้ว เราตั้งไว้ที่ 900 ล้านบาท แต่อยากให้เกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งออเดอร์ที่เข้ามาเกินแน่ๆ แต่ในการผลิตจริง เราต้องพยายามทำให้ได้ตามแผน และไม่มีปัญหา ซึ่งเราเชื่อว่าทำได้ อีกทั้งได้ผ่านจุดต่ำสุดที่เป็น Low Season ในช่วงไตรมาส 2  แล้ว”นายวสันต์กล่าว

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์มอเตอร์ชนิดพิเศษ BLDC สระว่ายน้ำ บริษัทเริ่มมียอดขายเข้ามาแล้ว มีกำลังการผลิตที่ 120 ลูกต่อวัน ซึ่งในอนาคต มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าด้วย เช่นเดียวกับมอเตอร์ AC  ก็มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก จากเดิมผลิตได้ 60,000 ลูกต่อเดือน คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีออเดอร์เข้ามาประมาณ 120,000 ลูกต่อเดือน

ส่วนโครงการพัฒนามอเตอร์สำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะได้รับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวอย่างคืนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายในช่วงไตรมาส 3 นี้หรือในเดือน ต.ค.2564 เพื่อนำกลับมาพัฒนา และส่งไปให้กับลูกค้า ซึ่งการพัฒนา EV Hub Motor ให้กับบริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จะเริ่มก็ต่อเมื่อ พัฒนามอเตอร์ของลูกค้าปัจจุบันให้แล้วเสร็จก่อน

ด้านราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้น อาทิ ทองแดง และอลูมิเนียม จากกระแสของ EV Motor ที่เป็นที่นิยม ซึ่งก็มีผลกระทบบ้าง แต่บริษัทได้บริหารจัดการต้นทุนในส่วนอื่นๆเข้ามาช่วย อีกทั้งยังมีค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ามาชดเชย จากการที่บริษัทมีสัดส่วนการส่งออกที่ 52% นอกจากนี้ยังมีการปรับราคาขายขึ้นเล็กน้อย