NER โชว์กำไร 439 ลบ. Q2 โต 95% ยอดขายพุ่ง ปันผล 0.07 บาท

HoonSmart.com>> “นอร์ทอีส รับเบอร์” กำไรไตรมาส 2/64 โตกว่า 95% แตะ 439 ล้านบาท หนุนครึ่งปีทะยาน 183% ปริมาณขายเติบโต 62% กวาดรายได้จากการขาย 11,252 ล้านบาท พุ่งเกือบเท่าตัว รับขยายกำลังผลิตโรงงานยางแท่งแห่งที่ 2 ออเดอร์ลูกค้าเพิ่มขึ้น เดินหน้าตามแผนปั๊มรายได้ขายทั้งปีแตะ 2.45 หมื่นล้านบาท จากความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น เคาะปันผลระหว่างกาล 0.07 บาท/หุ้น ขึ้น XD 23 ส.ค.นี้

ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/ 2564 กำไรสุทธิ 438.82 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.283 บาท เติบโต 95.13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 224.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.146 บาท

ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 805.32 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.52 บาท เติบโต 182.79% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 284.79 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.185 บาท โดยมีปริมาณขาย  205,954 ตัน เพิ่มขึ้น 78,622 ตัน หรือ 61.75% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 11,252.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,605.88 ล้านบาท หรือ 99.28% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 7,568.88 ล้านบาท หรือ 67.26% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,457.92 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 143.30%

ส่วนรายได้จากการขายต่างประเทศ 3,683.76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.74% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,147.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45.27% จากการขยายกำลังการผลิตในส่วนโรงงานยางแท่ง แห่งที่ 2 ส่งผลให้มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 2/2564 สูงกว่าไตรมาส 2/2563 ซึ่งเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนสามารถแยกปริมาณขายตามผลิตภัณฑ์โรงงานแห่งที่ 1 และ 2

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า สัดส่วนการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายเป็นผลมาจากปริมาณคำสั่งซื้อลูกค้าในประเทศและการส่งมอบจากกลุ่มลูกค้าโรงงานผลิตยางรถยนต์จีนที่ยังคงสูงอยู่ โดยจะเห็นจากสัดส่วนผลิตภัณฑ์ยางแท่ง STR ที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตในส่วนโรงงานยางแท่ง แห่งที่ 2 ส่งผลให้มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 2/2564 สูงกว่าไตรมาส 2/2563 ซึ่งเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับภาพรวมธุรกิจของปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท และปริมาณขายที่ 4.4 แสนตัน เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น ที่สามารถรองรับยอดขาย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าจากสิงคโปร์และอินเดีย ประกอบกับราคายางปรับขึ้นต่อเนื่อง และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มหลายราย

นอกจากนี้ในปลายปี 2564 บริษัทมีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น ด้านเครื่องจักรผลิตแผ่นยางปูรองนอนสัตว์ บริษัทคาดว่าจะนำเข้ามาติดตั้งในช่วงปลายปี 2564 ซึ่งบริษัทคาดจะรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้ในปี 2565 ที่ 2.8% ของประมาณการณ์ ซึ่งบริษัทจะสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาลปี2564 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 24 ส.ค. ขึ้น XD  วันที่ 23 ส.ค.2564 และจ่ายเงินวันที่ 6 ก.ย. 2564