ADVANC โกยกำไร 7 พันลบ.Q2 แจกปันผล 3.45 บาท/หุ้น

HoonSmart.com>>”แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส” โชว์ผลงานแข็งแกร่ง กวาดกำไร 7,041 ล้านบาท โตกว่าไตรมาสแรก 6% ทรงตัวจากไตรมาส 2/63 เดินหน้าลงทุนปรับเป้าลูกค้า 5G ขึ้นไปที่ 2 ล้านรายภายในสิ้นปี เน้นย้ำความสำคัญของระบบโทรคมนาคม เพื่อเชื่อมต่อ ช่วยเหลือคนไทย ชุมชน อุตสาหกรรมทุกภาคส่วน ท่ามกลางความท้าทายจากการแพร่ระบาดโควิด ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้ 3.45 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 16 ส.ค. คิดเป็นผลตอบแทน 1.95%

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2/2564 มีกำไรสุทธิ 7,040.82 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้จำนวน 7,001 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก โดยรวม 6 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 13,684.71 ล้านบาท ใกล้เคียงกับกำไรสุทธิ 13,757ล้านบาทในปีก่อน

สมชัย เลิศสุทธิวงค์

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายในการรับมืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้มีความรุนแรงและขยายวงกว้างด้วยความรวดเร็ว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร และพนักงาน โดยในไตรมาสที่ 2/2564 ยังคงรักษาระดับของผลประกอบการ แม้ต้องรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดก็ตาม

บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพทั้งการขยายโครงข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพโครงข่ายด้วยเทคโนโลยีใหม่จะช่วยสนับสนุนการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะการทำงานและเรียนจากที่บ้าน รวมถึงเสริมการขายและบริการผ่าน Remote agent และช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ายังได้รับบริการในขณะล็อกดาวน์ สิ่งสำคัญขององค์กรในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องในภาวะวิกฤติและเกิดความยั่งยืน คือ การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและรักษาสถานะทางการเงินให้มีความมั่นคงรองรับวิกฤติและความท้าทาย

สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 42,757 ล้านบาท ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับปีก่อน ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง 1.5% เทียบกับปีก่อน และ 0.9% เทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคจึงได้นำเสนอแพ็กเกจมือถือในระดับราคาต่ำลงเพื่อให้กลุ่มคนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อน้อยเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น

สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G หลังจากได้ขยายเครือข่าย 5G ครบ 77 จังหวัด ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 5G แล้วกว่า 1 ล้านราย โดยปรับเป้าหมายฐานลูกค้า 5G ใหม่สู่ 2 ล้านรายภายในปีนี้

ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เติบโต 21% เทียบกับปีก่อน และ 6.2%เทียบกับไตรมาสก่อน ด้วยความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ ทั้งการทำงานที่บ้านและการเรียน  ทำให้มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 104,000 ราย โดยปัจจุบันเอไอเอส ไฟเบอร์มีลูกค้ารวม 1,535,900 ราย

ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง คิดเป็น 13% เทียบกับปีก่อน จากความต้องการของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ปรับการดำเนินธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างการเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ โดยมีความต้องการใช้บริการโซลูชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Cloud, Cybersecurity และ ICT solution เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายสมชัย กล่าวเสริมว่า  ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทยังคงเดินหน้ามุ่งสร้างความเป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยประกาศความร่วมมือกับ Microsoft ในฐานะ Exclusive Strategic Partner ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการให้บริการ Cloud ด้วยนวัตกรรมที่ดีที่สุดเพื่อธุรกิจ พร้อมยกระดับความเชี่ยวชาญด้านคลาวด์ของบริษัทในเชิงลึก และล่าสุด Disney+ Hotstar ที่ AIS เป็นพันธมิตรรายเดียวในประเทศไทยที่นำเสนอแพ็กเกจรายเดือนในการรับชม ช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการได้ง่ายมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า

“เรายังคงมีความเชื่อว่า ดิจิทัลเทคโนโลยีคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูประเทศได้ไม่ว่าจะอยู่ในเงื่อนไขใดก็ตาม ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่มีข้อจำกัดมากมายและแม้ผลประกอบการของปี 2564 จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด แต่ เรายังคงไม่หยุดที่จะลงทุนเพื่อทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เข้าถึง และครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ พร้อมที่จะเชื่อมต่อภาคส่วนต่างๆ ให้สามารถทรานฟอร์มตัวเองสู่โลกใหม่ได้ตลอดเวลา แนวคิดการทำงานที่มุ่ง เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย ยังถูกส่งมอบให้กับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการพารอด ที่ช่วยร้านค้ารายย่อยให้มีช่องทางและโอกาสเข้าถึงลูกค้า การให้ลูกค้าโทรฟรีเลขหมายฉุกเฉิน แพ็คเกจหนุน SMEs ในด้านต่างๆ และที่สำคัญกับการสอดประสานร่วมกับภาคสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องเต็มกำลัง เพื่อใช้ศักยภาพรวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ ของเรานำพาบุคลากร องค์กร ลูกค้า พันธมิตร สังคม และประเทศ ก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปพร้อมกัน” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

ด้านคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 2564 ในอัตรา 3.45 บาทต่อหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 17 ส.ค. กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 16 ส.ค. กำหนดจ่ายเงินวันที่ 1 ก.ย. 2564 ทั้งนี้คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลที่ 1.95% เทียบกับราคาหุ้นปิดที่ 177 บาท วันที่ 3 ส.ค. 2564