บล.คิงส์ฟอร์ด คาด SET วันนี้ ทรงตัว ในกรอบแนวรับ 1,530 – 1,540 แนวต้าน 1,560 – 1,570 แนะซื้อ กลุ่มส่งออก ASIAN, SAPPE , DELTA, SAT, EPG (+เงินบาทอ่อนค่า) กลุ่มขนส่ง WICE, SONIC และ ไอซีที SYNEX, SIS, INSET ( +WFH)
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงในกรอบแนวรับ 1,530 – 1,540 แนวต้าน 1,560 – 1,570 ระหว่างรอประเมิน มาตราการควบคุมการระบาด แนะนำซื้อ กลุ่มส่งออก เช่น ASIAN, SAPPE , DELTA, SAT, EPG (+เงินบาทอ่อนค่า) กลุ่มขนส่ง WICE, SONIC / ไอซีที SYNEX, SIS, INSET ( +WFH)
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.36%, S&P +0.35%, Nasdaq +0.21% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +0.96%, เทคโนโลยี +0.90% จากคาดการณ์กำไร Q2/64 บจ.ในดัชนี S&P 500 +66% เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ Q4/52
สัปดาห์นี้ รอการรายงานกำไรของ JP.Morgan, Goldman Sachs, Citi Group, Delta Airline รวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น ดัชนี CPI, PPI, ยอดค้าปลีก มิ.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.69% ทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น สาธารณูปโภค, อสังหา ฯ และบริการสุขภาพ ขณะที่กลุ่มเดินทาง สายการบินอังกฤษปรับลดลงจากความกังวลการระบาด Covid-19 สายพันธุ์เดลต้าเพิ่มขึ้น
• ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดทำจุดสูงสุดใหม่รับคาดการณ์กำไร Q2/64 ของ บจ.ใน S&P500 เพิ่มขึ้น +66% สูงกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าที่ +54% เป็นเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ Q4/52 หลังวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐ นักลงทุนรอถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลต่อคณะกรรมาธิการการเงินรอบครึ่งปีต่อวุฒิสภา, สภาผู้แทนฯ ในวันที่ 14 – 15 ก.ค. เพื่อติดตามนโยบายการเงินรวมถึงช่วงเวลาจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE
ประเด็นสำคัญวันนี้ รอรายงานกำไร Q2/64 ของ JP.Morgan, Goldman Sachs คาดกำไรถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและสินเชื่อชะลอตัว แต่ได้แรงหนุนหลังเฟดอนุญาตให้ธนาคารซื้อหุ้นคืนได้ ส่วนรายงานเศรษฐกิจวันนี้ ติดตาม Core CPI สหรัฐ มิ.ย. คาด +4.0% YoY,+0.4% MoM โดยวานนี้เฟดสาขานิวยอร์คเผยผลสำรวจแนวโน้มเงินเฟ้อ 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 4.8% และเงินเฟ้อ 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 3.6% สูงกว่าเงินเฟ้อเป้าหมาย 2 % อาจเป็นปัจจัยให้เฟดต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเร็วขึ้น
ส่วนการระบาดสายพันธุ์เดลต้ามีแนวโน้มเพิ่มขึนในสหรัฐ ยุโรป เป็นความเสี่ยงต้องระวัง สำหรับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ทรงตัว -0.14% ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 7.5 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1.82 พัน ลบ. ต่างชาติขาย 1.67 พัน ลบ. กลุ่มปิโตรเคมี -3.63% หลัง PTTGC -6.41% จากประเด็นข่าวซื้อกิจการออลเน็กซ์ โฮลดิ้ง มูลค่า 1.48 แสน ลบ. กังวลแหล่งเงินทุนในการซื้อกิจการ
ดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, ไอซีที ได้ประโยชน์ในช่วงล็อกดาวน์ ภาพรวมนักลงทุนรอประเมินสถานการณ์ผู้ติดเชื้อใหม่ว่าจะเริ่มลดลงใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า และวันนี้ ครม.จะพิจารณา ม.เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบใน 10 จังหวัด
Daily Strategy
สำหรับหุ้นไทย แนะนำ
• EPG ซื้อ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.20 บาท ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้รวมปี 64/65 (เม.ย.-มี.ค.) เติบโต 12-15% จากปีก่อนที่ 9.6 พันล้านบาท และ GPM เฉลี่ยที่ 29-32% โดยการเติบโตหลัก ๆ จะมาจากกลุ่มสินค้าฉนวนความร้อนความเย็นภายใต้แบรนด์ Aeroflex และกลุ่มชินส่วนยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศสูง
หลังสภาพเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวแข็งแกร่งทั้งในสหรัฐฯ และออสเตรเลีย ระยะสั้นคาดกำไร 1Q64/65 (เม.ย.-มิ.ย.) ยังมีทิศทางเติบโต QoQ, YoY โดยธุรกิจ Aeroflex, Aeroklas ยังเติบโตดี ส่วน EPP ทรงตัวของผลของ COVID ในประเทศ ขณะที่บริษัทมีการทยอยปรับขึ้นราคาขายตามต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น รวมถึงได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับสูงต่อเนื่อง
SINGER ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 50.00 บาท ประสบความสำเร็จในการขยายสาขาผ่านเฟรนไชน์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าสาขาเฟรนไชน์อยู่ที่ 4,000 สาขาในปีนี้ (1Q64 มี 2,465 สาขา, 4Q64 มี 2,000 สาขา) ช่วง 2Q64 ได้ปัจจัยหนุนด้าน High Season จากสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ตู้แช่ ตู้เย็นควบคุมอุณหภูมิ เครื่องปรับอากาศ และ พัดลม
ด้านธุรกิจพอร์ตสินเชื่อยังคงเติบโตได้ดีโดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทำเงิน (C4C) ซึ่งใน 1Q64 ที่ผ่านมาสามารถขึ้นไปแตะที่ระดับ 4 พันลบ.(+124%YoY, +17%QoQ) โดยทางผู้บริหารเชื่อว่าปีนี้พอร์ตรวม(C4C+HP+Captive)จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท (จาก 1Q64 อยู่ที่ราว 7.5 พันล้านบาท) ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี64 และ ปี65 จะขยายตัวต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 1.09 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 1.44 บาท/หุ้น, และ 1.94 บาท/หุ้น ตามลำดับ