HoonSmart.com>>“บอร์ดออริจิ้น ฯ” อนุมัติ “บริทาเนีย-BRI” เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จ่อเสนอขายหุ้น IPO และวอร์แรนต์ ESOP หวังเพิ่มความคล่องตัวในการเติบโตธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบ บ้านจัดสรร สร้างความยั่งยืนระยะยาว หลังก่อตั้งไม่ถึง 5 ปีพัฒนาโครงการสะสมถึง 19,500 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติแผนการนำบริษัทย่อย คือ บริทาเนีย (BRI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( Spin-Off) คาดยื่นแบบคำขอและร่างหนังสือชี้ชวนภายในไตรมาส 3/2564 บริษัทลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 100% เหลือ 70% โดย BRI จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เช่นเดิมต่อไป
ทั้งนี้คาดว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และผู้ลงทุนประเภทอื่นๆ รวมทั้งเสนอขายหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งมีหุ้นที่จัดสรรไว้รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ ให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของ BRI และ/หรือบริษัทย่อยของ BRI (ESOP Warrant) การเสนอขายหุ้นให้แก่กรรมการ ผู้บริการ และ/หรือ พนักงานของ ORI และ ผู้ถือหุ้นของ ORI ตามสิทธิ (Pre-emptive) รวมทั้งหมดคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 30% ของทุนชำระแล้วทั้งหมด
“บริษัทยังคงมีเป้าหมายให้ BRI เป็นบริษัทแกนนำหลัก (Flagship Company) ของกลุ่ม ORI ในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบในประเทศไทย รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ “นายพีระพงศ์กล่าว
นับแต่ก่อตั้งบริษัท บริทาเนีย ในช่วงปลายปี 2560 บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนปัจจุบันสามารถพัฒนาธุรกิจบ้านจัดสรรครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ แกรนด์บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม และไบรตัน (Brighton) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม และมียอดพัฒนาโครงการสะสมถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 19,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน BRI ยังมีความเข้าใจในความต้องการเชิงลึก (Insight) ของผู้บริโภค เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการให้สามารถตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งคุณภาพ การออกแบบ ทำเล และบริการหลังการอยู่อาศัย ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้บ้านจัดสรรเป็นสินค้าที่มีความต้องการและเติบโตสูงขึ้น แม้ในยามที่ภาคเศรษฐกิจได้รับแรงกดดัน บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการปรับโครงสร้างการบริหารธุรกิจให้มีความชัดเจน คล่องตัว เพื่อเตรียมขยายธุรกิจเชิงรุกจากความสามารถในการระดมทุนและเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อสร้างการเติบโตที่เป็นไปตามปกติของธุรกิจ (Organic Growth) และการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Inorganic Growth)
นายพีระพงศ์กล่าวว่า แผนการ Spin-Off เพื่อนำ BRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริทาเนียให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม ต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ทั้งยังเอื้อต่อการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง สามารถขยายธุรกิจบ้านจัดสรรให้ครอบคลุมความต้องการของตลาดยิ่งกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทฯ ให้มีแนวโน้มที่ดีและสร้างความมั่นคงในระยะยาว