หุ้นโลกดิ่ง ซ้ำเติมหุ้นไทย รอรีบาวด์ แนวรับ1,530-1,510

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นโลกปั่นป่วน ดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงหนัก 450 จุด บอนด์ยีลด์ลงต่ำ 1.27% ยุโรปติดลบ เอเชียนำโดยดัชนีฮั่งเส็งทรุดหนักสุด  -2.89% กดดันหุ้นไทยต่อพรุ่งนี้ จับตายกระดับมาตรการคุมโควิดระบาด บล.เมย์แบงก์ฯให้แนวรับสำคัญทางเทคนิค 1,500-1,510 จุด แนะนำ SIS-GLOBAL ชู HANA ด้านบล.โนมูระฯมองแนวรับ 1,530 1,520 และ 1,500 จุด ชวนปรับพอร์ตขายหุ้น Reopening เพิ่มหุ้นส่งออก KCE, HANA, TU, ASIAN หุ้นมูลค่า TVO, ADVANC, TOA  ส่วนหุ้นกู้ปี 64 คาดออกเพิ่มขึ้นแตะ 9 แสนล้านบาท ครึ่งปี 9 บริษัทขอเลื่อนชำระหนี้

วันที่ 8 ก.ค. 2564 หุ้นไทยถูกเทกระจาด ดัชนีปิดที่ระดับ 1,543.67 จุด ทรุดหนัก 32.93 จุด หรือ -2.09% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 110,954.67 ล้านบาท แรงขายแบงก์ พลังงาน ฝีมือสถาบันไทยทิ้ง 1.86 พันล้านบาท พอร์ตโบรกขาย 1.01 พันล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายแค่ 4.59 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยช้อน 2.88 พันล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทอ่อนต่อเนื่อง ปิดที่ 32.46 บาท/ดอลลาร์ หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่นิวไฮ 7,058 ราย และเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลดลงหนัก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ลดลงต่ำอยู่ที่ 1.27%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นที่ร่วงลงแรงเกิดจากการเร่งตัวของยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ และวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.2564) จะมีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ คาดว่าคงมีมาตรการที่คุมเข้มมากยิ่งขึ้น หรือล็อกดาวน์บางพื้นที่ที่มีความเสี่ยง แต่คงไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์ทั่วประเทศ

” หุ้นไทยลงแรง เกิดจากแรงขายค่อนข้างมาก หรือ Panic Sell ปิดที่ 1,543.67 จุด ทะลุจุดต่ำสุดเดิมที่ประมาณ 1,560 จุดเศษ มองแนวรับสำคัญทางเทคนิคถัดไปอยู่ที่ 1,500-1,510 จุด คาดว่าจะไม่หลุด เนื่องจากปัจจัยทางเทคนิคพยุงอยู่ทั้งเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน จากอดีตที่ผ่านมาสามารถเป็นแนวรับได้ดี และ RSI อยู่ในระดับที่ขายมากเกินไป (Oversold)  หากลงมาทดสอบจะมีแรงรีบาวด์ขึ้นก่อน แล้วถึงประเมินความเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง”นายวิจิตรกล่าว

สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ จะต้องรอติดตามผลการประชุม ศบค. ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร ซึ่งอาจจะมีจังหวะกระแทกลงมาบ้าง แต่เชื่อว่าตลาดจะปรับตัวรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ โดยใช้บริเวณแนวรับดังกล่าว หรือบริเวณที่ตลาดกระแทกลงมามาก เป็นโอกาสในการเข้าสะสมที่มีแนวโน้มกำไรดี และได้ประโยชน์จากการทำงานที่บ้านมากขึ้น แนะนำ SIS และ GLOBAL ส่วนเงินบาทอ่อนค่า แนะนำ HANA เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ภาคการส่งออกจะเป็นตัวค่อยพยุงเศรษฐกิจ

นายกรภัทร วรเชษฐ์ นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การประชุม ศบค. คาดว่าจะมีการออกมาตรการที่คุมเข้มมากยิ่งขึ้น ถ้าผลออกมาแล้วเกิดแรงขาย ทำให้ดัชนีกระแทกลงมา คาดว่ามีโอกาสที่จะเกิดการรีบาวด์ทางเทคนิคได้  ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเหมือนกัน โดยประเมินแนวรับสำคัญไว้ที่ 1,530 จุด 1,520 จุด และ 1,500 จุด ซึ่งคือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน

“ช่วงนี้เราต้องดูหุ้นในมือว่าเราถืออะไรบ้าง ถ้าถือหุ้นตามการ Reopening ก็ควรจะเปลี่ยนมาหาหุ้นที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน เนื่องจากการเปิดประเทศ อาจจะยังมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดอยู่ หรือหุ้นกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ และแบตเตอรี่ก็มีความน่าสในใจ ด้านหุ้นได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า แนะนำ KCE, HANA, TU และ ASIAN และส่วนหุ้น Value Play แนะนำ TVO, ADVANC และ TOA” นายกรภัทร กล่าว

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ในปี 2564 คาดว่าเอกชนจะออกหุ้นกู้มูลค่ารวม 900,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายต้นปีที่ให้ไว้ที่ 700,000-750,000 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกออกแล้วกว่า 522,071 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือจะทยอยออกเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มเรทติ้ง  นำไปใช้ทั้งการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิม รองรับการลงทุนและรองรับสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีบริษัทใดมีสถานะผิดนัดชำระหนี้ มีแต่ขอเลื่อนชำระหนี้ไปก่อน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 9 บริษัท จำนวน 17 รุ่น คาดในครึ่งปีหลัง  ก็อาจจะมีบริษัทขอยืดหนี้เพิ่มเติม จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ