ตลาดปิดลบเกือบ 15 จุด ผู้ติดเชื้อพุ่ง-รัฐจ่อคุ้มเข้ม ต่างชาติขาย 1.4 พันลบ.

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดลบ 14.83 จุด โดนกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง นักลงทุนกังวลรัฐคุมเข้มล็อกดาวน์เพิ่มขึ้น ส่งผลไทยยังต้องขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ ทำให้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1.4 พันล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2.7 พันล้านบาท แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดเคลื่อนไหวผันผวน แนวรับที่ 1,565-1,550 จุด และแนวต้านที่ 1,585-1,590 จุด แนะธีมหุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อนค่า ให้ KCE-HANA-TU-ASIAN และธีมหุ้น Value Play ชอบ TVO- ADVANC-TOA

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ก.ค. 2564 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,576.60 จุด -14.83 จุด หรือ -0.93% มูลค่าการซื้อขาย 82,477.06 ล้านบาท

นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,423.07 ล้านบาท รองลงมานักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,210.62 ล้านบาท และ บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 76.31 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,710.00 ล้านบาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปิดลบ -14.83 จุด โดนผลกระทบจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่เร่งตัวขึ้น โดยวันนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ระดับ 6,519 ราย ทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องการปรับนโยบายล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นจากทางภาครัฐ ส่งผลให้ภาพของการขาดดุลบริการ และขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ยังมีอยู่ เลยทำให้ภาพค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าขึ้น

ส่วนแนวโน้มของตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.2564) คาดว่าตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีกรอบแนวรับที่ 1,565-1,550 จุด และแนวต้านที่ 1,585-1,590 จุด โดยติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ว่าจะมีอัตราที่เร่งตัวขึ้นหรือไม่ สำหรับการลงทุนช่วงนี้ แนะนำหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ KCE, HANA, TU และASIAN และแนะนำหุ้น Value Play ได้แก่ TVO, ADVANC และTOA

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่

MENA ปิดที่ 2.48 บาท +1.28 หรือ +106.67% มูลค่าการซื้อขาย 7,434.50 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 108.00 บาท -4.00 หรือ -3.57% มูลค่าการซื้อขาย 2,383.16 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 117.00 บาท -1.00 หรือ -0.85% มูลค่าการซื้อขาย 1,978.40 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 94.50 บาท -1.75 หรือ -1.82% มูลค่าการซื้อขาย 1,670.28 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 60.25 บาท +0.25 หรือ +0.42% มูลค่าการซื้อขาย 1,396.38 ล้านบาท