BGRIM ชู 7 ยุทธศาสตร์ ลั่นไม่เพิ่มทุน รายได้วิ่งเข้าเป้า 1 แสนล.ปี 73

HoonSmart.com>> “บี.กริม เพาเวอร์” โชว์ 7 ยุทธศาสตร์ผลักดันเติบโตยั่งยืน มั่นใจทำได้กำลังการผลิตแตะ 7.2 พันเมกะวัตต์ในปี 68  เพิ่มเป็น  1 หมื่นเมกะวัตต์-รายได้รวมสู่  1 แสนล้านบาทในปี 73 เปิดแผน 10 ปี ตั้งงบลงทุน 2-3 แสนล้าน ใช้เครื่องมือทางการเงิน ยันไม่เพิ่มทุน ส่วนปี 64 คาดลงทุน 2-4 หมื่นล้านบาท กำลังเจรจาซื้อกิจการ 3-4 โครงการ ทั้งใน-ตปท. รวม 300-500 เมกะวัตต์ มีแผนออกหุ้นกู้ ขอสินเชื่อรวม 1-1.2 หมื่นล้าน   

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการ  และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าเป้าหมายกำลังการผลิตรวม ระดับ 7,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 และเพิ่มขึ้นถึง 10,000 เมกะวัตต์ในปี 2573 โดยมีรายได้รวมมากกว่า 100,000 ล้านบาท มีโอกาสที่จะทำได้ค่อนข้างสูง ด้วยความชำนาญในการทำธุรกิจ และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมถึงการดำเนินธุรกิจตาม 7 ยุทธศาสตร์  ทำให้มีการเติบโตได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิในการทำธุรกิจที่ดีขึ้น นอกจากนี้การบริหารจัดการเงินเพื่อการลงทุนภายในองค์กรก็เป็นส่วนที่ให้ความสำคัญ  เพื่อสนับสนุนให้เติบโตตามแผนงานได้

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 3,682 เมกะวัตต์ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) รวมแล้วกว่า 48 โครงการ โดยมีรายได้ปีก่อนอยู่ที่ 44,337.67 ล้านบาท บริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 250,000-300,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตตามแผนในปี 2564-2573  ซึ่งบริษัทได้จัดเตรียมแผนควบคุม และจัดการเงินลงทุนให้มีความเหมาะสมกับการลงทุนต่างๆมากที่สุด บริษัทมีการศึกษาถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ ทั้งในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ และการออกตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) หรือการออกสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) รวมถึงการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน มองว่ายังไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุน โดยบริษัทพยายามควบคุมอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E )ไม่เกิน 3 เท่า ซึ่งภายในปี 2564 จะเห็นการออก Green Bond , Green Loan และการออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 10,000-12,000 ล้านบาท

ขณะที่ในปี 2564 บริษัทตั้งเงินลงทุนไว้ที่ 20,000-40,000 ล้านบาท ใช้ในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ และพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดมุกดาหาร ที่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/2564 ซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 3-4 โครงการ ทั้งในประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย กำลังการผลิตรวมประมาณ 300-500 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา และศึกษาก่อนเข้าลงทุน

บริษัทตั้ง 7 ยุทธศาสตร์ มุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท สร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ในส่วนยุทธศาสตร์ที่ 1 ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานสะอาดภายใต้รูปแบบสัมปทานกับภาครัฐในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (B2G)  เพื่อให้บริการไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูง เป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่หรือการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เช่น สปป.ลาว, เวียดนาม, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, กัมพูชา และฟิลิปปินส์

​ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างบทบาทสำคัญในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเชื้อเพลิงสะอาด จากความต้องการ LNG ของภูมิภาคอาเซียนซึ่งมีการเติบโตสูงที่สุดในโลก ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตในการนำเข้า LNG จำนวน  1.2 ล้านตันต่อปี ทำให้ความสามารถในการบริหารต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น และโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ทั้งด้านธุรกิจไฟฟ้า โดยการนำเชื้อเพลิงมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 และในอนาคตมีแผนที่จะจำหน่าย LNG ไปยังประเทศในภูมิภาค เนื่องจากความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้าให้มีคุณภาพ  และยังศึกษาเชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆ เพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร ปัจจุบันบริษัทฯจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพสูงให้กับโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 รายอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยจะขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมบริการด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร และขยายพื้นที่ นอกเหนือไปจากนิคมอุตสาหกรรมที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ในพื้นภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสนับสนุนแนวโน้มการกระจายตัวแบบไม่รวมศูนย์ มุ่งสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ

ยุทธศาสตร์ที่ 4 ให้บริการสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับกลุ่มอาคารพาณิชย์ โดยร่วมมือกันภายในกลุ่มบริษัท ในการพัฒนา เพื่อนำเสนอโซลูชั่นทางด้านสาธารณูปโภค ให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยุทธศาสตร์ที่ 5 ขยายธุรกิจระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในภูมิภาค สนับสนุนการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพไปสู่ผู้ใช้ โดยอาศัยความชำนาญกว่า 25 ปี ในการสร้างและควบคุมระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา นำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต่อไปในอนาคต

ยุทธศาสตร์ที่ 6 ให้บริการพลังงานที่มีคุณภาพและเสถียรภาพผ่านการซื้อขายในระบบ energy trading จำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านระบบของการไฟฟ้า ซึ่งอาศัยโครงข่ายอัจฉริยะ (Smart Grid) ที่กำลังพัฒนาอยู่  ปัจจุบันได้นำร่องทดสอบระบบ trading ระหว่างอาคารต่างๆ ในกลุ่มและในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว ซึ่งทิศทางธุรกิจพลังงานต่อจากนี้ โรงไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ และในอนาคตจะมีโรงไฟฟ้าในบ้าน มีการติดแผงโซลาร์บนหลังคาผลิตไฟฟ้าขายเพื่อนบ้านแบบ Peer to Peer ที่แลกเปลี่ยนกันได้โดยตรง

ยุทธศาสตร์ที่ 7 เดินหน้าพัฒนาโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับ “ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น” ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการขับเคลื่อนด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ โดยจะควบคู่ไปกับจุดแข็ง 5 ข้อของ BGRIM คือ 1. ความสามารถในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ 2. การเป็นพันธมิตรที่ดีและได้รับความไว้วางใจ 3. ความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการ 4. การจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการเติบโตด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และ 5. ความพร้อมทางด้าน “ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น” เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ด้วยเป้าหมายก้าวสู่บริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก โดยบริษัทฯมีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593