14 นักวิเคราะห์เชียร์ซื้อ KBANK ดีบีเอสฯ ให้เป้าสูงสุด 195 บาท

HoonSmart.com>>หุ้นธนาคารกสิกรไทยร่วงแรง 1.69% ปิด 116.50 บาท สวนทางนักวิเคราะห์ 14 รายยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเฉลี่ย 168.85 บาท บล.ดีบีเอสฯตีมูลค่าสูงสุดถึง 195 บาท ประเมินได้กำไรเพิ่มปีละ 600 บาท จากการขายประกันให้กับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตสัญญา 10 ปี บล.ทิสโก้ให้ต่ำสุด 145 บาท ด้านตลาดหุ้น ดัชนีบวกเล็กน้อย 0.79 จุด ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าทรุด ยัน 1,500 จุด เอาอยู่

หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ลงต่อเนื่อง ปิดที่ 116.50 บาท ติดลบ 2 บาท หรือ 1.69% มูลค่าสูงสุดที่ 3,476 ล้านบาท สำหรับการซื้อขายวันที่ 5 ก.ค. 2564 แม้ว่านักวิเคราะห์ทั้งหมด 14 รายออกบทวิเคราะห์ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเฉลี่ย 168.85 บาท โดยบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ราคาพื้นฐานสูงสุดที่ 195 บาท และบล.ทิสโก้ตีมูลค่าเหมาะสมต่ำที่สุด 145 บาท

นาย สมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (​ประเทศไทย) คงคำแนะนำซื้อหุ้น KBANK ให้ราคาพื้นฐานที่ 195 บาท คาดแนวโน้มกำไรปี 2564 ฟื้นตัว 13.7% จากปีก่อนหดตัวถึง -23.9% ราคาปัจจุบันถือว่าถูกมาก P/BV ปีนี้เพียง 0.6 เท่า ถือว่าต่ำสุดในรอบ 20 ปี ส่วนการเข้าสู่ธุรกิจขายประกันชีวิต หลังลงนามทำสัญญาเป็นเวลา 10 ปี กับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต (MTL) จะได้ค่าธรรมเนียม สูงถึง 1.27 หมื่นล้านบาท และโบนัสตามผลงานอีก คาดว่าจะได้รับกำไรเพิ่มปีละ 600 ล้านบาท เทียบกับประมาณการปี 2565 ในปัจจุบันที่มีกำไร 3.17 หมื่นล้านบาท แต่เราจะยังคงประมาณเดิมไว้ก่อน

ด้านบล.เคทีบี เอสที ยังคงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 177 บาท โดยมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจากการเข้าเป็น exclusive partner กับ MTL เวลา 10 ปี เริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2565 ซึ่งจะทำให้ KBANK มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 627 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น upside ต่อกำไรสุทธิ เพียง 1.7% และจะมีรายได้ส่วนเพิ่มจากโบนัสที่จะได้เพิ่มหากขายได้เกินเป้า ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการกำไรสุทธิในปี 2565 และยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากสำรองฯ ที่ลดลง ราคาหุ้น +2% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่าน ยังคงเลือก KBANK เป็น Top pick ของกลุ่มธนาคารเพราะ valuation ยังไม่แพงซื้อขายเพียง 0.7 เท่าของมูลค่าหุ้นทางบัญชี

ตลาดหุ้นในวันเดียวกัน ดัชนีแกว่งขึ้นลง 10 จุด ปิดที่ระดับ 1,579.28  จุด +0.79 จุดด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 58,232.61 ล้านบาท โดยสถาบันขายหุ้น 443 ล้านบาท ต่างชาติขายด้วย 148.10 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนไทยซื้อ 876 ล้านบาท โดยหุ้นโรงไฟฟ้าขึ้นนำตลาด ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนใน 3 เดือนข้างหน้า ลงมาอยู่ที่ 106.05 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ครั้งแรกรอบ 8 เดือน จาก “ร้อนแรง”  นักลงทุนชอบกลุ่มการแพทย์-ไม่ชอบแฟชั่น คาดไตรมาส 3 ลง แต่ไม่หลุด 1,500 จุด แ  คงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ 1,650 จุด ปี 65 กลับสู่ระดับ 1,800 จุด หนุนการเปิดประเทศ-รัฐกระตุ้นต่อเนื่อง