BEAUTY รุกขยายสาขาในปท.เพิ่ม-ออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง

BEAUTY ครึ่งปีหลังรุกหนักขยายช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ ปั๊มยอดขาย รับไฮซีซั่นของธุรกิจ มั่นใจผลประกอบการทั้งปีเติบโตตามเป้า หลังครึ่งปีกวาดรายได้ 1,762.46 ล้านบาท โต 11.91% กำไรสุทธิ 538.77 ล้านบาท ส่วนงบ Q2/61 ลดลงเล็กน้อย

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า กลยุทธ์และแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดในประเทศจะโฟกัสการขยายสาขาของทุก Shop Brand โดยเน้นการขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพในหัวเมืองท่องเที่ยว และกรุงเทพฯ รวมทั้งพัฒนาสินค้าและขยายช่องทางจำหน่ายเข้าสู่ตลาดคอนซูเมอร์ที่เป็น Mass Market ซึ่งจะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายโดยใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline)

ขณะเดียวกันจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Beauty Cottage Luxury Series” ที่เซ็นทรัลเวิลด์เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานอย่างมากมายทั้งดารา เซเลบริตี้ บิวตี้บล็อกเกอร์และสื่อมวลชน มีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และมีแผนจะออกสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง

ส่วนตลาดต่างประเทศในช่วงไตรมาส 3 บริษัทจะจัดการประชุมร่วมกับตัวแทนจำหน่ายทั้ง 11 ประเทศ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การตลาด รูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันยอดขายให้มีการเติบโต ในส่วนของการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบใหม่ Cross border E-commerce หรือการซื้อขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศจีน ขณะนี้ได้เซ็นต์สัญญากับตัวแทนจำหน่าย จำนวน 3 ราย เพื่อดำเนินการจำหน่ายใน 5 แพลตฟอร์มประกอบด้วย TMALL KAOLA VIP YUNJI และ JDเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าจากกลยุทธ์การดำเนินงานดังกล่าวจะส่งให้ผลประกอบการเติบโตได้ดีในครึ่งปีหลังและรายได้รวมปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รายได้มากกว่า 4,290 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 20%

“ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางในครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และสินค้าของ BEAUTY ทุกแบรนด์ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนนักท่องเที่ยว”นายแพทย์สุวิน กล่าว

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2561 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,762.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,574.91 ล้านบาท จำนวน 187.55 ล้านบาท หรือรายได้เพิ่มขึ้น 11.91 % และมีกำไรสุทธิ 538.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 472.84 ล้านบาท จำนวน 65.93 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 13.94%

ผลประกอบการงวดไตรมาส 2 มีรายได้รวม 857.52 ล้านบาท ลดลง 3.36 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 887.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 256.35 ล้านบาท ลดลง 6.16 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 273.18 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งปีแรกยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการที่ผลิตภัณฑ์ของทุกแบรนด์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศครบทุกช่องทาง พร้อมทั้งมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆให้ครอบคลุมต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้า จึงส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามผลประกอบการ Q2/61 ชะลอตัวเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบระยะสั้นจากกรณีตลาดเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระแสข่าวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของบริษัทอื่นไม่ผ่านมาตรฐาน อย. ส่งผลกระทบให้ฐานลูกค้ารายย่อยระมัดระวังการซื้อมากขึ้นแต่ในระยะยาวถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัทเพราะสินค้าของบริษัทผลิตถูกต้องมีเลขที่จดแจ้งที่ได้รับการรับรองจาก อย. ทุกรายการ อีกทั้งกระแสข่าวเรื่อง อย. ปราบปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐานของบริษัทอื่นยังกระทบต่อการส่งออกสินค้าทุกประเภทไปประเทศจีนล่าช้าทำให้ลูกค้าขายส่งของบริษัทต้องใช้ระยะเวลาในการนำสินค้าออกมากกว่าเดิม ประกอบกับสินค้าบางรายการของ Beauty Cottage มีกระแสความนิยมลดลง ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ออกสินค้าใหม่เพื่อสร้างยอดขายทดแทนสินค้าเดิม

“บริษัทยังรักษาความสามารถทำกำไรได้ในเกณฑ์ดี โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 30.57% อัตรากำไรขั้นต้น 66.68% และไตรมาส 2/61 มีอัตรากำไรสุทธิ 29.89% อัตรากำไรขั้นต้น 65.61% ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและมีช่องทางการตลาด ช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างหลากหลาย”นพ.สุวิน กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.61 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.162 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 90.01 %ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 484.95 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผล(Record Date)ในวันที่ 28 ส.ค. 61 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 7 ก.ย. 61