SO ส่งซิก Q2/64 โต -เล็งซื้อกิจการ 3 ธุรกิจ

HoonSmart.com>> “สยามราชธานี” คาดผลดำเนินงานไตรมาส 2/64 ดีกว่าไตรมาสก่อน โควิด-19 หนุนเอกชนหันมาใช้บริการ Outsource คาดสัดส่วนเอกชนเพิ่มขึ้นอีก 15% ลุ้นแผนเปิดเมืองครึ่งหลัง รายได้ OT กลับมา พร้อมเดินหน้าขยายดิจิทัลต่อเนื่อง ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ FLOW ที่ต่อยอดจาก DOGIDOCS คาดเปิดตัวไตรมาส 4 เจาะลูกค้ากลุ่มโรงงาน ส่วนบริการรถเครนให้เช่ากับลูกค้ารายใหญ่คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 4 เตรียมซื้อกิจการหนุนเติบโตแกร่ง อยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ราย พร้อมตั้งเป้ารักษา GPM ไม่ต่ำกว่า 18%

ณัฐพล วิมลเฉลา

นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สยามราชธานี (SO) เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมผลงานไตรมาส 2/2564 ว่า เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2564 ที่มีรายได้รวมประมาณ 510 ล้านบาท ซึ่งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาคเอกชน หันมาใช้บริการ Outsourcing เพื่อคุมเข้มต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเอกชนรายใหญ่เพิ่มอีก 15% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 35% และขยับเป็นกว่า 50% ในปี 2566

อย่างเป็นไรก็ตามบริษัทคาดว่าจากการกระจายวัควีนที่ดี จะเป็นปัจจัยที่ช่วงเข้ามาสนับสนุนผลประกอบการในช่วงที่เริ่มเปิดเมือง หรือกิจกรรมการเศรษฐกิจกลับมาหมือนปกติ จากรายได้ของค่าการให้บริการล่วงเวลา (OT) ที่หายไปตั้งแต่มีการล็อกดาวน์ โดยปกติแล้วบริษัทจะได้ค่า OT เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 40% ของรายได้จากการทำงานในเวลาปกติ หรือประมาณ 3-5 ล้านบาทต่อเดือน จากพนักงานในปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 3,500 คน ซึ่งถ้ามีการเปิดเมืองในช่วงครึ่งหลัง บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาในปีนี้ประมาณ 10-15 ล้านบาท

ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งแรก ซึ่งบริษัทฯได้เดินหน้าแผนขยายดิจิทัลแพลตฟอร์มเต็มรูปแบบต่อเนื่อง เพื่อยกระดับงานบริการทั้ง 4 หน่วยธุรกิจ (Business Unit) สู่มาตรฐานสากล ทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มตรวจสอบข้อมูลประวัติ และประมวลผลพฤติกรรมพนักงานแบบเรียวไทม์ (E-Profile Platform) ควบคู่ไปกับพัฒนาแอพพลิเคชั่นติดตามและประมวลผลเวลาเข้า-ออกของพนักงานแบบเรียวไทม์ ด้วยการผนึกความร่วมมือกับบริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้านการสื่อสารรายใหญ่ต้นไตรมาส 3/2564 นี้ รวมถึงการนำแพลตฟอร์มดัชนีคาดการณ์ (Predictive Index ; PI) เข้ามาปรับใช้ เพิ่มประสิทธิภาพงานบริการด้านบุคลากร (SO PEOPLE)

ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าพัฒนาแพลตฟอร์มหน่วยธุรกิจ SO NEXT หรือบริการด้านบริหารจัดการงานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สู่ DIGODOCS ระบบจัดการเอกสารออนไลน์รูปแบบใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่ทำระบบพิสูจน์ตัวตน (Know Your Customer) พัฒนาระบบประมวลผลเวลาเข้างาน (Time Attendance) ให้สามารถรองรับเงื่อนไขได้หลากหลายรูปแบบ บริหารงานภายในได้กว่า 600 สัญญา ซึ่งจะช่วยควบคุมต้นทุน และรองรับการขยายงานจำนวนมากในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว

อีกทั้งบริษัทได้พัฒนาต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ DIGIDOCS มาเป็น FLOW ที่ให้บริการ Business Process Management เนื่องจากลูกค้าปัจจุบันที่ใช้อยู่มีความต้องการส่วนต่อยอดเพิ่มขึ้น บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายตัว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 3 และ สามารถเปิดตัวได้ช่วงต้นไตรมาส 4 ซึ่งจะเจาะกลุ่มลูกค้าโรงงานที่มีข้อมูลมาก โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีลูกค้าประมาณ 5-10 ราย

ส่วนธุรกิจบริการด้านรถเช่า (SO WHEEL) บริษัทฯได้เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มบริหารจัดการรถเช่าที่สามารถอัพเดทข้อมูลแบบเรียวไทม์ รวมทั้งจัดทำระบบจัดเก็บประวัติและบำรุงรักษาต้นไม้แบบครบวงจร เพื่อยกระดับงานด้าน SO GREEN หรือบริการด้านบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว ให้มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเทียบสากล นอกจากนี้บริษัทได้เจรจาให้บริหารเช่ารถเครน กับลูกค้ารายใหญ่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำ TOR ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 4/2564

ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนซื้อกิจการ (M&A) เพื่อสร้างการเติบโตให้มากยิ่งขึ้น โดยมองหาธุรกิจ Outsource Company ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น , ธุรกิจ Software Enterprise และธุรกิจ Professional Training ปัจจุบันมีเจรจาอยู่ 2-3 ราย โดยคาดว่าจะเข้าเสริมผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ให้มีกำไรเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 และรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไม่ต่ำกว่า 18%

“แผนเดินหน้าทรานฟอร์มสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และการขยายฐานลูกค้า รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์และการบริการใหม่ๆ จะหนุนขีดความสามารถการทำกำไรโดดเด่น  จากต้นทุนการบริหารจัดการที่ลดลง แต่ประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ SO เติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะอันใกล้ โดยภาพรวมในปี 2564 มั่นใจยังแกร่งเมื่อเทียบจากปี 2563 ที่ทำอัตรากำไรสุทธิได้ 6.8%” นายณัฐพล กล่าว