ดาวโจนส์ปิดลบ 71 จุด จับตาแนวโน้มเศรษฐกิจ-ผลดำเนินงาน

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 71 จุด นักลงทุนจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 23 มิถุนายน 2564 ปิดที่ 33,874.24 จุด ลดลง 71.34 จุด หรือ 0.21% นักลงทุนยังเกาะติดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแรงกดดันเงินเฟ้อ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,241.84 จุด ลดลง 4.60 จุด, -0.11%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,271.73 จุด เพิ่มขึ้น 18.46 จุด, +0.13%

การปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นแรงหนุนให้ดัชนี Nasdaq ปิดที่นิวไฮอีกครั้ง โดยหุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 5.3% หุ้นเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 0.5%

นักวิเคราะห์ ระบุว่า ตลาดให้ความสนใจกับอัตราดอกเบี้ยว่าจะปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดหรือไม่ รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจในหลายไตรมาสข้างหน้า ซึ่งวิตกว่าภาวะชะลอตัวจะกลับมาหรือไม่ และเงินเฟ้อจะเป็นภาวะชั่วคราวหรือถาวร

นักวิเคราะห์จาก TD Ameritrade คาดว่า รูปแบบการลงทุนที่ยังไม่เชื่อมั่นมากนักจะคงมีอย่างต่อเนื่องจนกว่าการรายงานผลการดำเนินงานเริ่มขึ้น

ตลาดจับตาผลการดำเนินงานไตรมาสสองที่จะรายงานในเดือนหน้าของบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามคาดในกลุ่ม growth stock

ไอเอชเอส มาร์กิต รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิถุนายนลดลงมาที่ระดับ 63.9 ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 68.7 ในเดือนพฤษภาคม ผู้ผลิตยังประสบปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบและแรงงานคุณภาพ รวมทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคเจอระดับราคาที่สูงขึ้น

ดัชนี PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นไปที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 62.6 เพิ่มขึ้นจาก 62.1 ในเดือนพฤษภาคม แต่ดัชนี PMI ภาคบริการลดลงมากว่าที่คาด โดยอ่อนตัวมาที่ 64.8 จาก 70.4 ซึ่งเป็นระดับ all-time high และต่ำว่า 70.0 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนพฤษภาคมลดลง 5.9% มาที่ระดับ 769,000 ยูนิต ต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่า 870,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด จากราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ทำให้ราคาบ้านใหม่ปรับขึ้น

อย่างไรก็ตามตลาดได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากกลุ่มพลังงานเพราะราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยหุ้นออกซิเด็นตอลปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นกว่า 3% หุ้นเดวอนเอ็นเนอร์จี้เพิ่มขึ้นราว 2%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภคที่ลดลง 1.4% แม้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าภาคธุรกิจขยายตัวเร็วสุดในรอบ 15 ปี

ไอเอชเอส มาร์กิต รายงาน ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิถุนายนยูโรโซนเพิ่มขึ้นมากที่ 59.2 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2006 และเพิ่มขึ้นจาก 57.1 เดือนพฤษภาคม เป็นผลจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์และความต้องการที่เร่งตัวขึ้นจากที่อั้นไว้

นักวิเคราะห์ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเป็นไปได้ที่ฟื้นตัวไปที่ระดับก่อนการระบาดในไตรมาส 4 ปีนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 453.10 จุด ลดลง 3.32 จุด, -0.73%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,074.06 จุด ลดลง 15.95 จุด, -0.22%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,551.07 จุด ลดลง 60.43 จุด, -0.91%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,456.39 จุด ลดลง 179.94 จุด, -1.15%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 23 เซนต์ ปิดที่ 73.08ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 38 เซนต์ ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
อ่านข่าว

ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่บวก

น้ำมันดิบ WTI เพิ่ม 27 เซนต์ ทองขยับขึ้น 6 ดอลลาร์

โนมูระฯ คาดหุ้นแกว่งลง – หยวนต้าชี้เป้า ADVANC-KBANK-SAWAD-IMH