กนง.ทุบหุ้น-เงินบาทอ่อน แนะปรับพอร์ตสู้เงินไหลออก

HoonSmart.com>>เตือนนักลงทุนอย่าลุยหุ้น ดีใจเฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย ไทยขาดเสน่ห์ เงินไม่ไหลเข้า กลับขายออก กนง.คงดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามคาด หั่นจีดีพีปี 64 ลงเหลือ 1.8% เครื่องยนต์อ่อนแรงเกือบทุกตัว ยกเว้นส่งออกดีขึ้น 17.1% กดบัญชีเดินสะพัดพลิกเป็นขาดดุล 1.5 พันล้านเหรียญ ตลาดตกใจร่วง 7 จุด ค่าเงินบาทปิดที่ 31.86 อ่อนต่ำที่สุดในรอบ 13 เดือน  บล.ฟินันเซียฯมองต่างชาติยังไม่กลับมา แนะลดพอร์ตหุ้น Global plays เพิ่มหุ้น Domestic เน้นรายตัวเด่น ด้านธนาคารกสิกรไทยแจก 10 กลยุทธ์ลงทุนครึ่งปีหลัง

 

วันที่ 23 มิ.ย.2564 ตลาดหุ้นไทยร่วง สวนทางตลาดต่างประเทศ ดัชนีปิดที่ 1,592.08 จุด รูดลง 7.15 จุดหรือ-0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย77,735.03 ล้านบาท แม้ว่านักลงทุนต่างชาติขายน้อยลงจำนวน 128 ล้านบาท แต่สถาบันไทยกลับทิ้งออกมาหนัก 1,632.99 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยซื้อต่อ 1,499.67 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 31.86 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าสุดในรอบ 13 เดือน

หุ้นไทยเปิดตลาดบวกตามตลาดต่างประเทศ รับข่าวดี นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง(เฟด) ไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ย้ำว่า เงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว แต่นักลงทุนยังกังวลเรื่องการลดสภาพคล่อง จึงมีการทำกำไรตลอดทาง ทำให้ดัชนีแกว่งบวกลบ แต่แรงขายออกมามากในช่วงท้ายตลาด โดยนายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม ในวันนี้ (23 มิ.ย.)ว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี และปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือ 1.8% จากเดือน มี.ค.ที่คาดว่าจะโต 3% ส่วนปี 2565 ลดลงเหลือโต 3.9% จากเดิมที่ 4.7%

แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับลดลงเหลือ 7 แสนคนในปีนี้ และ 10 ล้านคนในปี 2565 ส่วนการส่งออกปรับเพิ่มเป็นขยายตัว 17.1% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้ปรับเป็นขาดดุล 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมคาดว่าจะเกินดุล 1.2 พันล้านเหรียญ ผลจากดุลบริการที่ลดลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เร่งขึ้นชั่วคราวในไตรมาส 2 จากฐานราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำคาดเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3%

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส มองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทาย บวกกับ Valuation ของ SET ที่แพง จึงยังมีมุมมองเหมือนเดิมที่เชื่อว่าจะยังไม่เห็นการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติอย่างจริงจัง แต่เชื่อว่าสถาบันไทยจะมีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของ SET มากกว่า แต่การฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดกดดันเงินบาทอ่อนค่าและเงินไหลออก

” เป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ 1,660 จุด มี upside เพียง 3% ไม่จูงใจในการซื้อแบบปาเป้า เราเน้นเลือกตัว โดยเฉพาะ Domestic plays ตลาดปรับฐานเป็นจังหวะในการปรับพอร์ต ลด Global plays เพิ่มน้ำหนัก Domestic หุ้น Top picks ครึ่งปีหลัง ได้แก่ BDMS, CK, CPALL, EKH, M, SAPPE, SCB, SPALI, TISCO, VRANDA”บล.ฟินันเซียไซรัสระบุ

บล.เอเซียพลัส ยังคงมุมมองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่ 0.5% ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2564 เป็นอย่างน้อย จะหนุนให้สภาพคล่องในระบบการเงินยังสูง ช่วยจำกัด Downside ของตลาด

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองเศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตแบบเร่งตัวขึ้น ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและราคายังค่อนข้าง Laggard ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มอาหารและกลุ่มโรงพยาบาล

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า KBank Private Banking และ Lombard Odier ยังคงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2564 ว่าจะยังเติบโตได้ดี แต่การฟื้นตัวในแต่ละภาคธุรกิจ รวมถึงภูมิภาคเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน ภาคบริการมีแนวโน้มนำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวสูงสุดในไตรมาส 3 ของปี

ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Managing Director – Private Banking Business Head กล่าวว่า จากมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ ธนาคารแนะนำ 10 กลยุทธ์การลงทุนสำหรับช่วงครึ่งปี ได้แก่
1. ลงทุนต่อเนื่องในสินทรัพย์เสี่ยง

2. ลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฏจักร และ Value ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

3. อย่าพลาดการลงทุนในหุ้นยุโรป เพราะมีระดับ Valuation ที่น่าสนใจและมีศักยภาพการเติบโตของกำไรสูง

4. ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะปรับเพิ่มขึ้น โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ 2% ณ สิ้นปี 2564 และ 2.5% ในช่วงปลายปี 2565

5. ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ดอกเบี้ยสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในจีน

6. คงมุมมองบวกต่อค่าเงินหยวน และหาจังหวะเข้าซื้อค่าเงินยูโร

7. คงมุมมองว่าดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่า

8. ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

9. มองหุ้นโครงสร้างพื้นฐานให้ผลตอบแทนโดดเด่น

10. การลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

ธนาคารยังแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน 1) สินทรัพย์ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นหุ้นนอกตลาด REITs ไปจนถึงกลยุทธ์การลงทุนแบบ Hedge Fund หรือ Structured Notes 2) หุ้นกู้เอกชนจีน